บลจ.กรุงศรี จัดสัมมนาออนไลน์ แนะการจัดพอร์ต ด้วยกลยุทธ์ห่านทองคำ

15 มิถุนายน 2563
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงศรี จำกัด (บลจ.กรุงศรี) จัดสัมมนาออนไลน์ในหัวข้อ “ป้องกันพอร์ตจากความผันผวน ด้วยกลยุทธ์ห่านทองคำ” ชวนปรับพอร์ตลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของวิกฤตโควิด-19 เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอ พร้อมแนะนำกองทุน Fidelity Funds – Global Dividend Fund ที่เน้นลงทุนอย่างปลอดภัยในหุ้นพื้นฐานดี มีความผันผวนต่ำ อยู่รอดได้ในภาวะวิกฤติ สามารถสร้างรายได้และทำกำไรจากทั่วโลก ทั้งยังมีโอกาสเติบโตในอนาคต ผู้สนใจสามารถลงทุนผ่านกองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลดิวิเดนด์เฮดจ์เอฟเอ็กซ์ (KFGDIV) เสนอขายครั้งแรก 15 - 22 มิถุนายนนี้ 
 
ในงานสัมมนา คุณคริสโตเฟอร์ หว่อง ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนจาก Fidelity Funds – Global Dividend Fund พร้อมด้วยคุณเกียรติศักดิ์ ปรีชาอนุสรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนทางเลือก บลจ.กรุงศรี ได้มาร่วมกันให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 กลยุทธ์การลงทุนแบบห่านทองคำ บนความท้าทายของตลาดปี 2563 โอกาสในการลงทุนหุ้นปันผล กลยุทธ์การจัดพอร์ต วิธีบริหารจัดการความเสี่ยงของกองทุน รวมทั้งพอร์ตการลงทุนที่จะสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนได้อย่างสม่ำเสมอในระยะยาว
 
คุณเกียรติศักดิ์กล่าวว่า วิกฤตโควิด-19 ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงอย่างหนักในช่วงต้นปีที่ผ่านมา หุ้นทั่วโลกรวมทั้งหุ้นพื้นฐานดีก็ถูกเทขายออกมามากเช่นกัน ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะจะกลับเข้าลงทุนในหุ้นอีกครั้ง เนื่องจากสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย แต่เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนว่าไวรัสโควิด-19 จะกลับมาระบาดซ้ำอีกหรือไม่ การลงทุนในหุ้นจึงควรทำด้วยความระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม หุ้นยังเป็นทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับต่ำไปอีกยาวนาน กลยุทธ์ที่เหมาะสมกับการลงทุนในช่วงนี้ จึงควรเป็นกลยุทธ์หุ้นห่านทองคำซึ่งบลจ.กรุงศรี ได้นำเสนอกองทุน KFGDIV ให้เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
 
คุณเกียรติศักดิ์กล่าวถึงการจัดพอร์ตลงทุนในสถานการณ์ปัจจุบันว่า ควรเน้นให้มีทรัพย์สิน 3 ส่วนได้แก่ สินทรัพย์ที่ช่วยสร้างการเติบโตให้กับเงินลงทุนอย่างหุ้น สินทรัพย์ที่สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ เช่น หุ้นปันผล ตราสารหนี้เครดิตดอกเบี้ยสูง REITs หรือ กองทุนรวมประเภท Multi-assets หรือ Income และตราสารหนี้ภาครัฐเพื่อลดความผันผวนและลดความเสี่ยง
กองทุน KFGDIV ที่มี Fidelity Funds – Global Dividend Fund เป็นกองทุนหลักนี้ นับว่าตอบโจทย์การลงทุนในภาวะปัจจุบัน เนื่องจากมีจุดเด่น 3 ประการได้แก่ เป็นกองทุนหุ้นที่ลงทุนในตลาดทุกภูมิภาคทั่วโลกในหุ้นที่สามารถให้ปันผลที่ดีอย่างสม่ำเสมอ สามารถสร้างพอร์ตการลงทุนให้เติบโตได้ และมีความผันผวนต่ำ จึงมีความเสี่ยงน้อยกว่า
 

 
แม้การดำเนินงานของกองทุน Fidelity Funds – Global Dividend Fund ในช่วงวิกฤตโควิด-19 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาจะปรับตัวลงกว่าปกติ แต่กองทุนก็ยังสามารถทำผลงานได้ดีกว่าตลาดโลกโดยปรับตัวลดลงน้อยกว่า เมื่อเทียบกับดัชนี MSCI All Countries และเมื่อเทียบผลการดำเนินงานกับคู่แข่งที่เป็นกองทุนในกลุ่ม Global Equity Income ก็ทำผลงานได้ดีกว่าในทุกช่วงเวลา สามารถรักษาระดับเงินปันผลได้เฉลี่ยอยู่ที่ 3 - 3.5% ต่อปีอย่างสม่ำเสมอและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในทุกปี ในขณะเดียวกันความผันผวนของกองทุนก็อยู่ในระดับต่ำกว่าตลาดหุ้นโลกและกองหุ้นอื่นๆ ด้วย 
 

 
คุณคริสโตเฟอร์กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันผลตอบแทนของหุ้นปันผลมีความน่าสนใจกว่าตราสารหนี้ หลังจากที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา ทำให้ธนาคารกลางประกาศลดอัตราดอกเบี้ยและมีการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบมากขึ้นทำให้ผลตอบแทนของตราสารหนี้ลดต่ำลง ขณะที่ผลตอบแทนของหุ้นปันผลเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ และหากพิจารณาผลตอบแทนย้อนหลังแบบระยะยาวแล้ว เงินปันผลของหุ้นมีสัดส่วนมากกว่าของผลตอบแทนทั้งหมดอย่างเห็นได้ชัดจากสถิติย้อนหลังในช่วงสิบปี เงินปันผลสามารถให้ผลตอบแทนถึง 40% และหากนับจากปี 2000 เป็นต้นมา ผลตอบแทนจากเงินปันผลคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 70% ของผลตอบแทนทั้งหมด โดยภาพรวมการลงทุนในหุ้นของช่วงที่ผ่านมานั้น กองทุนส่วนใหญ่ถือหุ้นปันผลในสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบสัดส่วนกับหุ้นเติบโตซึ่งมีเงินลงทุนไหลเข้าไปในปริมาณมาก แต่ข้อดีของหุ้นปันผลคือสามารถช่วยปรับสมดุลของพอร์ตเพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนได้ สำหรับปีนี้ ราคาของหุ้นปันผลก็อยู่ในระดับที่น่าสนใจ เนื่องจากปรับลดลงมามากในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 
 
คุณคริสโตเฟอร์กล่าวถึงกลยุทธ์ในการคัดเลือกหุ้นของกองทุนว่า เป็นกลยุทธ์แบบ ABC หมายถึง Attractive Value มีระดับราคาที่น่าสนใจ ไม่แพงเกินไปนัก Better Quality Companies เป็นบริษัทที่มีพื้นฐานดี สถานะการเงินแข็งแกร่ง งบการเงินดี ภาระหนี้ต่ำ และ Consistent Dividend ให้ผลตอบแทนเป็นเงินปันผลได้อย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงวิกฤต
 

 
ปัจจุบัน กองทุนลงทุนในหุ้นอยู่ทั้งหมด 49 หลักทรัพย์ มีการกระจายความเสี่ยงไปในหลายภูมิภาค อาทิ ยุโรป สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ซึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่จากประเทศเหล่านี้สามารถสร้างรายได้จากประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะจากประเทศเกิดใหม่ด้วย กองทุนยังกระจายการลงทุนไปในหลากหลายอุตสาหกรรม เน้นหุ้นที่เป็นกลุ่มประเภทตั้งรับที่ปลอดภัย ที่เห็นผลกำไรชัดเจนเป็นส่วนใหญ่ เช่น กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคอย่าง Tesco Lotus หรือ Unilever หรือกลุ่มสุขภาพ เช่น Pfizer ซึ่งทำผลงานได้ดีในช่วงวิกฤตโควิดที่ผ่านมา แต่มีบางส่วนที่ลงทุนในหุ้นวัฏจักรอยู่ด้วย เช่นกลุ่ม Semi-conductors ซึ่งมีโอกาสเติบโตในอนาคตไปพร้อมกับอุตสาหกรรมไอที และเทคโนโลยี เช่น Internet of Things (IoT) หรือ Cloud Computing เป็นต้น 
 
นอกจากนี้ กองทุนมีการบริหารพอร์ตเชิงรุก จึงสามารถปรับเปลี่ยนพอร์ตให้เหมาะสมกับสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที ในช่วงวิกฤตโควิดที่ผ่านมา กองทุนมีการปรับพอร์ตโดยลดการลงทุนในบางอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มพลังงานเนื่องจากมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น โดยหันไปเพิ่มการลงทุนในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและกลุ่มสุขภาพที่ราคาลดลงในช่วงวิกฤติแต่ยังสามารถรักษาระดับผลกำไรได้ สามารถจ่ายเงินปันผลได้ ทั้งยังมีโอกาสเติบโตได้ต่อเมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง หุ้นกลุ่มนี้ยังสามารถคาดการณ์ผลตอบแทนได้แน่นอนกว่า 
 
คุณเกียรติศักดิ์กล่าวว่ากองทุน KFGDIV จะสามารถตอบโจทย์นักลงทุนได้ทั้งในส่วนของโอกาสสร้างการเติบโตและได้ปันผลไปพร้อมๆ กัน ที่ผ่านมา กองทุนหลักมีระดับผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยอยู่ที่ 3.3% ต่อปี ซึ่งมากกว่าอัตราดอกเบี้ยและตราสารหนี้ในปัจจุบัน ทั้งยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นทุกปีในระยะยาว ที่ผ่านมากองทุนหลักตั้งเป้าว่าจะสร้างระดับผลตอบแทนจากเงินปันผลให้สูงกว่าตลาดหุ้นโลกอย่างน้อย 25% ซึ่งที่ผ่านมากองทุนสามารถทำได้อยู่ที่ 30-40% สูงกว่าตลาดหุ้นโลก
 



 
กองทุน KFGDIV มี 2 share Class ให้เลือกลงทุนคือ แบบไม่จ่ายปันผล (KFGDIV-A) และแบบมีนโยบายจ่ายปันผล (KFGDIV-D) และ พิเศษสำหรับช่วง IPO ในระหว่าง 15 - 22 มิถุนายนนี้ เมื่อลงทุนทุกๆ 100,000 บาท และถือการลงทุนตามเงื่อนไขจะได้รับหน่วยลงทุน KFGDIV-A หรือ KFGDIV-D เพิ่มอีก 100 บาท
 

โปรโมชั่นกองทุน KFGDIV   คลิกที่นี่

 
คำเตือน
  • ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
  • เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือ และความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
  • KFGDIV มีนโยบายการลงทุนในกองทุนหลัก Fidelity Funds - Global Dividend Fund Y-QINCOME(G)-USD (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน | ความเสี่ยงระดับ 6 เสี่ยงสูง
  • กองทุนรวมนี้อาจมีการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้ หรือ ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นจากการไม่ได้รับชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย
  • กองทุนป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ซึ่งอาจมีต้นทุนสำหรับการทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว โดยทำให้ผลตอบแทนของกองทุนโดยรวมลดลงเล็กน้อยจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
 
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ 
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด 
โทร 0 2657 5757  หรือ
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จากัด (มหาชน) / ผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน
 

เอกสารประกอบเปิดด้วยโปรแกรม Acrobat Reader หากท่านไม่มีโปรแกรมดังกล่าว คลิกเพื่อ ดาวน์โหลด โปรแกรม (ไม่มีค่าใช้จ่าย)

ย้อนกลับ

ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน