6 กุมภาพันธ์ 2561 – บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด (บลจ.กรุงศรี) จัดสัมมนาพิเศษในหัวข้อ Investing for Lifetime Income and Long-term Growth เพื่อนำเสนอทางเลือกที่หลากหลายของกองทุนประเภท Multi-assets Income Funds ให้นักลงทุนมีโอกาสลงทุนผ่าน 3 กองทุนรวมต่างประเทศชั้นนำระดับโลกที่มีประวัติผลการดำเนินการที่ดีในการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภททุกภูมิภาคทั่วโลก เพื่อกระจายความเสี่ยง เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ มากกว่าอัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาว
ทั้งนี้ ผู้บริหารกองทุนทั้งสามท่านให้ความคิดเห็นสอดคล้องกันว่า ภาพรวมภาวะเศรษฐกิจในปี 2561 นี้จะยังคงเติบโตไปด้วยดี มีเสถียรภาพ แม้จะมีปัจจัยที่สร้างความผันผวนบ้าง เช่นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย การใช้นโยบายทางการเงินที่เริ่มตึงตัวขึ้นในหลายประเทศ ปัจจัยด้านการเมืองในหลายประเทศทั่วโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้น อย่างไรก็ตาม กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ยังคงคาดการณ์ว่า GDP โลกปีนี้จะเติบโตได้ในระดับ 3.9% ส่วนในประเทศพัฒนาแล้วจะเติบโตอยู่ที่ 2% ด้วยทิศทางดังกล่าว ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกทั้งในยุโรป และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเกิดใหม่จะสามารถเติบโตสอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจโลก นักลงทุนจึงยังสามารถลงทุนในหุ้นได้ต่อไปในปีนี้ เพราะภาพรวมของตลาดยังคงดี
แม้ตลาดหุ้นทั่วโลกจะตกหนักในช่วงที่ผ่านมา J.P. Morgan Asset Management เชื่อว่าเป็นเพียงการปรับฐานระยะสั้นเท่านั้น ยังไม่ใช่การเริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยปัจจัยที่สนับสนุนความเชื่อ ได้แก่ อัตรากำไรและผลตอบแทนของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ที่ยังดีอยู่ อัตราการว่างงานในสหรัฐยังอยู่ในระดับต่ำ อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ และ GDP ทั่วโลกยังเติบโต สำหรับการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐนั้น คาดการณ์ว่าในปี 2561 นี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้าง อีกทั้งรัฐบาลสหรัฐได้ยกเลิกมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน (QE) จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญสำหรับการลงทุนในพันธบัตร
ด้านความเสี่ยงในการลงทุนนั้น Fidelity International ให้ความเห็นว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปี 2561 นี้ในหลายประเทศเช่นบราซิล รัสเซีย และประเทศในอาเซียนรวมทั้งประเทศไทย บวกกับความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ เช่นระหว่างสหรัฐ และจีน สหรัฐกับเกาหลีเหนือ อาจทำให้ตลาดเกิดความผันผวนในการลงทุนได้บ้าง แต่เชื่อว่าในภาพรวมปีนี้ยังจะเป็นปีที่ดีสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้น
ด้วยหลากหลายปัจจัยที่อาจส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจ บลจ. กรุงศรีชี้ว่านักลงทุนควรมีพอร์ตการลงทุนที่มีกลยุทธ์กระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ที่หลากหลายประเภทเป็นพอร์ตการลงทุนหลัก เนื่องจากสินทรัพย์แต่ละประเภทจะสร้างผลตอบแทนที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลา ทั้งนี้ บลจ.กรุงศรีได้เลือกเฟ้นกองทุนหลักที่มีความโดดเด่น มีประวัติการดำเนินงานที่ดี สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าตลาด โดยทุกกองทุนมีทีมผู้จัดการกองทุนที่เชี่ยวชาญในเลือกเฟ้นหาสินทรัพย์ที่ดีหลากหลายประเภท พร้อมปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจในช่วงเวลาต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ ให้นักลงทุนได้อุ่นใจในการรับผลตอบแทนเพิ่มขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาปรับพอร์ตด้วยตนเอง
คุณฉัตรแก้ว กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทาง บลจ.กรุงศรี พยายามหาวิธีที่จะเพิ่มผลตอบแทนให้ลูกค้า ให้ผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อ และมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก Income Funds จะเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ของนักลงทุนได้ดีกว่า ท่ามกลางสภาวะที่ดอกเบี้ยที่ยังคงต่ำอยู่ กองทุนชนิดนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาวที่มองหาช่องทางการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าดอกเบี้ย แต่ไม่ต้องการความเสี่ยงเท่ากับการลงทุนในหุ้น แต่กองทุนจะเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างรายได้สม่ำเสมอ เช่นลงทุนในตราสารที่มีการจ่ายดอกเบี้ยในระดับที่ค่อนข้างสูง ลงทุนในหุ้นที่ให้ปันผล ซึ่งอาจมีผลให้ได้รับส่วนต่างของผลกำไร (capital gain) ด้วย”
ทั้งนี้ บลจ. กรุงศรี ได้คัดเลือกกองทุนหลักจากสามสถาบันกองทุนที่มีความน่าเชื่อถือระดับโลก ได้แก่ JPM Global Income ของ J.P. Asset Management,กองทุน Fidelity Funds- Global Multi Asset Income ของ Fidelity International และกองทุน Schroder Asian Income ของ Schroders โดยบลจ. กรุงศรี ได้นำเสนอรูปแบบกองทุนที่เหมาะสมตามความต้องการของนักลงทุน มีทั้งแบบที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการกระแสเงินสดมาเป็นรายได้ (Auto redeem) หรือจะเลือกแบบสะสมการลงทุน (Reinvest) ก็ได้
สำหรับผู้ที่สนใจลงทุน สามารถเลือกลงทุนในกองทุน KF-INCOME เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนรายเดือน* หรือ KF-CINCOME แบบสะสมเงินลงทุน ซึ่งจะลงทุนใน JPM Global Income ที่เน้นการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ และ REITS โดยกองทุนนี้เพิ่งมีการปรับพอร์ตการลงทุน เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้น และ REITS มาอยู่ที่ 43% และลงทุนในตราสารหนี้ (Fixed Income) อีก 42.1% เพราะเชื่อว่าปีนี้หุ้นจะเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า และคาดการณ์อัตราผลตอบแทนทั้งปีอยู่ที่ 5% หรือถ้าตลาดหุ้นดีตามที่คาด อาจจะสร้างผลตอบแทนได้มากถึง 8-9% โดยน้ำหนักการลงทุนส่วนใหญ่ของกองทุนในปัจจุบันอยู่ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว
แหล่งข้อมูล: J.P. Morgan Asset Management ณ 31 ต.ค. 61
*เป็นการจ่ายผลตอบแทนโดยการขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติทุกเดือน ทั้งนี้ การจ่ายผลตอบแทนรายเดือนขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของกองทุนหลัก ซึ่งอาจมีโอกาสที่นักลงทุนจะไม่ได้รับผลตอบแทนในบางช่วงเวลา
สำหรับผู้ที่สนใจกระจายความเสี่ยงเพื่อลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภททั่วโลกสามารถลงทุนในกองทุน KFMINCOME-R หรือ KFMINCOME-A ซึ่งจะลงทุนผ่านกองทุนหลัก Fidelity Funds- Global Multi Asset Income ซึ่งกองทุนนี้จะเน้นกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ทั่วโลก ปัจจุบันกองทุนเห็นโอกาสการลงทุนที่ดีในตราสารหนี้ในตลาดเกิดใหม่ สินทรัพย์ทางเลือกที่มีโอกาสเติบโตในอนาคตอย่างพลังงานทางเลือก หรือหุ้นในยุโรปที่ดูน่าสนใจ ทั้งกองทุนยังมีมาตรการป้องกันความเสี่ยงในการลงทุนตลาดหุ้นด้วยการซื้อสัญญาล่วงหน้าไว้อีกด้วย
นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในตลาดเอเชีย แปซิฟิกซึ่งมีศักยภาพการเติบโตสูง นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในกองทุน KFAINCOM-R เพื่อรับผลตอบแทนแบบรายเดือน* หรือ KFAINCOM-A เพื่อสะสมเงินลงทุน ซึ่งมี Schroder Asian Income เป็นกองทุนหลัก มีการลงทุนทั้งในหุ้น ตราสารหนี้ และ REITs เช่นกัน แต่เน้นหนักในประเทศในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และจีน โดยปัจจุบันมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้น 58% ในตราสารหนี้ 32% และสินทรัพย์อื่นๆ
แหล่งข้อมูล: Shroders ณ 31 ต.ค. 60
*เป็นการจ่ายผลตอบแทนโดยการขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติทุกเดือน ทั้งนี้ การจ่ายผลตอบแทนรายเดือนขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของกองทุนหลัก ซึ่งอาจมีโอกาสที่นักลงทุนจะไม่ได้รับผลตอบแทนในบางช่วงเวลา
คำเตือน
- KFAINCOME-A, KFAINCOME-R และ KF-INCOME อาจลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Non–Investment grade) หรือที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Unrated Securities) ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร ซึ่งส่งผลให้ผู้ลงทุนขาดทุนจากการลงทุนบางส่วนหรือทั้งจำนวนได้ และในการขายคืนหน่วยลงทุนอาจไม่ได้รับเงินคืนตามที่ระบุไว้ในโครงการจัดการ
- กองทุน KF-INCOME และ KF-CINCOME อาจเข้าทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินโดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทจัดการ ซึ่งอาจมีต้นทุนสำหรับการทำธุรกรรมฯ โดยทำให้ผลตอบแทนของกองทุนโดยรวมลดลงจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และในกรณีที่ไม่ได้ทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงฯ ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
- กองทุน KFMINCOME-A, KFMINCOME-R, KFAINCOME-A และ KFAINCOME-R จะเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ณ ขณะใดขณะหนึ่งโดยไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งอาจมีต้นทุนสำหรับการทำธุรกรรมฯ โดยทำให้ผลตอบแทนของกองทุนโดยรวมลดลงจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
- ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงราคา/ผลตอบแทนในอนาคต
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนกองทุนได้ที่
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
ชั้น 1-2 โซนเอ, 12, 18 อาคารเพลินจิตทาวเวอร์
เลขที่ 898 ถนนเพลินจิต เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
โทรศัพท์ 0 2657 5757 l โทรสาร 0 2657 5777
E-mail: krungsriasset.mktg@krungsri.com | Website: www.krungsriasset.com