KFCORE สินทรัพย์หลักสำหรับทุกพอร์ต...ตอบทุกภาวะการลงทุน

20 ตุลาคม 2563
 

16 ตุลาคม 2563 - บลจ.กรุงศรี เปิดตัว “กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลคอร์อโลเคชั่น (KFCORE)” จากความร่วมมือระหว่างกรุงศรี กับ BlackRock บริษัทจัดการกองทุนอันดับ 1 ของโลก* ถือเป็นเอกสิทธิ์สำหรับลูกค้ากรุงศรีเท่านั้น โดย KFCORE ใช้กลยุทธ์ Tactical Asset Allocation มีการปรับพอร์ตการลงทุนอย่างรวดเร็ว ยืดหยุ่น ทันต่อสถานการณ์ เพื่อมุ่งรักษาผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอในทุกสภาวะ จึงเหมาะจะใช้เป็นสินทรัพย์หลักของพอร์ตการลงทุน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง KFCORE เสนอขายครั้งแรกระหว่าง 15 - 27 ตุลาคม 2563 นี้

 
งานสัมมนาออนไลน์หัวข้อ “Crafting the CORE…Creating the Unique Allocation” ที่ผ่านมา คุณเกียรติศักดิ์ ปรีชาอนุสรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนทางเลือก บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด พร้อมด้วยคุณ Eric Mueller, Multi-Asset Production Strategist จาก บริษัท BlackRock ได้มาร่วมกันให้ข้อมูลเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการบริหารจัดการพอร์ตกองทุน KFCORE การวิเคราะห์ปัจจัยทางเศรษฐกิจระดับมหภาคที่จะส่งผลต่อการคัดเลือกสินทรัพย์เพื่อเข้าลงทุน การบริหารจัดการความเสี่ยงของกองทุน ตลอดจนแนวโน้มผลการดำเนินงานเพื่อให้นักลงทุนใช้เป็นพอร์ตหลักสำหรับการลงทุนในระยะยาว
 
คุณเกียรติศักดิ์   กล่าวว่า จากการที่ภาวะตลาดในปัจจุบันมีความเสี่ยงและความผันผวนสูง ทำให้การลงทุนในรูปแบบเดิมอาจไม่สามารถปรับพอร์ตการลงทุนได้อย่างทันท่วงที จึงไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างสม่ำเสมอ แต่กองทุน KFCORE นี้จะมีเอกลักษณ์ในด้านกลยุทธ์การลงทุนเชิงรุกแบบ Tactical Asset Allocation ที่เน้นความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับพอร์ตให้เหมาะสมกับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วในทุกช่วงเวลา โดยนักลงทุนไม่ต้องจับจังหวะด้วยตัวเอง ทั้งนี้ กองทุนจะมีการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท ทุกภูมิภาคทั่วโลก โดยจะเน้นลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้คุณภาพเป็นหลัก และปรับสัดส่วนการลงทุนเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดในแต่ละช่วงเพื่อรักษาเสถียรภาพของผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ ในทุกสภาวะ
ทั้งนี้ จุดเด่นของกองทุน KFCORE คือ บลจ.กรุงศรี ได้ร่วมมือกับ BlackRock บริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีกองทุนภายใต้การบริหารจัดการอยู่กว่า 2000 กองทุน มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารรวมกันมากถึงกว่า 7.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ มีความเชี่ยวชาญในการบริหารสินทรัพย์หลากหลายประเภททั่วโลก   (ที่มา: BlackRock ณ 30 ก.ย.  63 | การจัดอันดับอ้างอิงข้อมูลจาก Statista.com ณ 7 ก.ค. 63 ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับการจัดอันดับของสมาคมบริษัทจัดการลงทุนแต่อย่างใด)

สำหรับการบริหารด้วยกลยุทธ์ Tactical Asset Allocation นั้น คุณ Mueller จาก BlackRock กล่าวว่า บริษัทมี Global Tactical Asset Allocation Team ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการลงทุนรูปแบบนี้โดยเฉพาะ นอกจากนี้ บริษัทเองยังมีเทคโนโลยีระดับสูงในการช่วยวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ เพื่อหาโอกาสในการลงทุน ทำให้กองทุน KFCORE มีความโดดเด่นในการวิเคราะห์ปัจจัยมหภาคเพื่อจับจังหวะการลงทุนที่จะสร้างผลตอบแทน เสริมความมั่นคง สร้างการเติบโตให้กับพอร์ตลงทุนได้อย่างเหมาะสม ปัจจุบัน บริษัทมีการบริหารพอร์ตการลงทุนรูปแบบนี้ในมูลค่าถึง 33,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ที่มา: BlackRock ณ 31 ธ.ค. 62) 
 
คุณ Mueller กล่าวเพิ่มเติมว่า ความพิเศษของกลยุทธ์ Tactical Asset Allocation ที่ทำให้กองทุนของ BlackRock แตกต่างจากที่อื่น คือกองทุนจะเน้นเรื่องความยืดหยุ่นเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอโดยไม่เสี่ยงมากจนเกินไป โดยกองทุนจะให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ปัจจัยเศรษฐกิจในระดับมหภาค พร้อมด้วยเครื่องมือที่ใช้ Big Data มาช่วยในการวิเคราะห์ทิศทางนโยบายของธนาคารกลางทั่วโลก และนโยบายการเงินในแต่ละประเทศ นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาว่าปัจจัยดังกล่าวส่งผลต่อระดับราคาของสินทรัพย์อย่างไรเพื่อมองหาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการลงทุนควบคู่ไปด้วย เครื่องมือต่างๆ เหล่านี้ทำให้มีกระบวนการตัดสินใจปรับเปลี่ยนพอร์ตอย่างเป็นระบบ ตัดในเรื่องของอารมณ์ออกไป เป็นการรักษาเสถียรภาพของพอร์ตการลงทุน 

ที่มา: BlackRock ณ ส.ค. 63
 
คุณเกียรติศักดิ์   กล่าวว่า   กลยุทธ์การลงทุนแบบ Tactical Asset Allocation มีความเหมาะสมกับสถานการณ์การลงทุนในปัจจุบันที่ตลาดมีความผันผวนสูง การที่กองทุนนี้เน้นมุมมองการลงทุนในระยะเวลา 3 - 12 เดือน จึงมองความผันผวนเป็นโอกาสในการลงทุนในแต่ละประเภทสินทรัพย์ แต่ละตลาดในแต่ละช่วงเวลา เพื่อให้ทันกับตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว 
หนึ่งในเครื่องมือที่กองทุนใช้ในการลงทุน คือการลงทุนผ่านกองทุนรวมดัชนีหรือ ETF (Exchange Traded Funds) ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง ต้นทุนต่ำ และมีความโปร่งใส ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์การลงทุนของกองทุนที่เน้นการปรับพอร์ตอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ กองทุนยังอาจสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มได้จากการลงทุนในกองทุนเชิงรุก (Active fund) ภายใต้การบริหารของ BlackRock ซึ่งมีกองทุนครอบคลุมทุกสินทรัพย์ทั่วโลก 
ที่มา: BlackRock ณ ธ.ค. 62
 
สำหรับมุมมองต่อตลาดในปัจจุบัน คุณ Mueller ให้ความเห็นว่า แม้หุ้นจะยังเป็นสินทรัพย์ที่มีปัจจัยเสี่ยง แต่ก็มีโอกาสที่จะเติบโตต่อไปได้ จึงยังคงรักษาสัดส่วนการลงทุนในหุ้นระดับที่สูงอยู่ สำหรับตลาดที่ยังมีโอกาสเติบโตได้ดีคือตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคเอเชีย ตลาดญี่ปุ่น และสหรัฐ แม้กองทุนยังมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดยุโรป แต่ก็ยังมีความอ่อนไหวต่อภาวะวิกฤติโควิด -19 อยู่ จึงปรับลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดยุโรปในช่วงนี้ ทั้งนี้ หากตลาดมีสัญญาณการฟื้นตัวและมีโอกาสเติบโตก็จะสามารถปรับเปลี่ยนได้ทันท่วงที สำหรับตลาดสหรัฐนั้น กองทุนมองว่าระดับราคาค่อนข้างแพงแล้ว แต่กองทุนจะมองหาโอกาสโดยพิจารณาจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางเป็นหลัก
 
คุณ Mueller ยกตัวอย่างให้เห็นภาพเพิ่มเติมว่า จากมุมมองข้างต้น กองทุนจะมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้น 30 - 35% และ 65% ในตราสารหนี้ และอีก 5% เป็นเงินสด อย่างไรก็ตาม กองทุนมีความยืดหยุ่นในการจัดสรรน้ำหนักการลงทุน โดยปกติสัดส่วนการลงทุนในหุ้นอยู่ระหว่าง 20 - 50% ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดในแต่ละช่วง และที่เหลือจะเน้นการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพ
 
สำหรับนักลงทุนที่สนใจ สามารถซื้อกองทุน KFCORE ผ่าน บลจ.กรุงศรี และสาขาของธนาคารกรุงศรีเท่านั้น  โดยเงินลงทุนขั้นต่ำครั้งแรกเริ่มต้นที่ 50,000 บาท และครั้งต่อไปครั้งละ 2,000 บาท   และในช่วง IPO 15 - 27 ตุลาคมนี้ มีโปรโมชั่นพิเศษ คือ เงินลงทุนทุกๆ 100,000 บาท จะได้รับหน่วยลงทุน KFCORE เพิ่ม มูลค่า 100 บาท (เมื่อลงทุนตามเงื่อนไขที่กำหนด)
 
คำเตือน
  • ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
  • ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
  • KFCORE ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศและ/หรือ กองทุนรวมอีทีเอฟต่างประเทศที่ลงทุนในทรัพย์สิน ได้แก่ ตราสารทุน เงินฝากธนาคาร ตราสารหนี้ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน สินค้าโภคภัณฑ์ ทรัพย์สินทางเลือก กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ REITs และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานต่างประเทศ
  • กองทุนมีระดับความเสี่ยง 5 : เสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง
  • กองทุนอาจมีการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Non-investment grade) หรือไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (unrated) ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นจากการไม่ได้ชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย
  • กองทุนป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน จึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
 
นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่
บลจ.กรุงศรี จำกัด โทร. 02-657-5757 หรือธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา
 
ข้อมูลกองทุน KFCORE คลิก
โปรโมชั่นกองทุน KFCORE คลิก
%
เอกสารประกอบเปิดด้วยโปรแกรม Acrobat Reader หากท่านไม่มีโปรแกรมดังกล่าว คลิกเพื่อ ดาวน์โหลด โปรแกรม (ไม่มีค่าใช้จ่าย)

ย้อนกลับ

ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน