กรุงศรีเปิดตัวกองทุน KFINFRA-A พลังแห่งการเติบโตจากโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคต

15 กุมภาพันธ์ 2564
บลจ.กรุงศรี เสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีเน็กซ์เจเนเรชั่นอินฟราสตรัคเจอร์-สะสมมูลค่า (KFINFRA-A)   ลงทุนในกองทุนหลักที่ได้รับมอร์นิ่งสตาร์ 5 ดาว* ซึ่งเน้นคัดหุ้นโครงสร้างพื้นฐานยุคใหม่ทั่วโลกที่มีแนวโน้มเติบโตสูงตามความต้องการพัฒนาสู่อนาคต เสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 15 – 23  ก.พ. 64
 
นางสุภาพร  ลีนะบรรจง  กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด (บลจ.กรุงศรี) เปิดเผยว่า “บลจ.กรุงศรี มีมุมมองว่าธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากจะมีข้อดีในเรื่องผลตอบแทนที่ค่อนข้างสม่ำเสมอแล้ว ยังมีโอกาสเติบโตได้สูงด้วย โดยเฉพาะโครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตของยุคดิจิตอล ความต้องการพลังงานสะอาด และการเดินทางขนส่ง ก่อให้เกิดธีมการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานยุคใหม่ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาสู่โลกอนาคต และเป็นที่มาของการเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีเน็กซ์เจเนเรชั่นอินฟราสตรัคเจอร์–สะสมมูลค่า (KFINFRA-A) ที่ลงทุนในกองทุนหลักคือ Credit Suisse (Lux) Infrastructure Equity Fund”
 
 “จุดเด่นของกองทุนหลักคือการเน้นลงทุนในบริษัทที่มีรายได้หลักจากโครงสร้างพื้นฐานที่มีบริษัทจดทะเบียนมากกว่า 500 แห่งและมีมูลค่าตลาดรวมกันกว่า 2.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ  โดยเน้นลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานยุคใหม่ใน 4 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย กลุ่มสาธารณูปโภค  กลุ่มพลังงาน กลุ่มขนส่ง  และกลุ่มโทรคมนาคม โดยใช้กลยุทธ์เชิงรุกวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและคัดเลือกหลักทรัพย์เข้าสู่พอร์ตการลงทุนประมาณ 40-60 หลักทรัพย์  นอกจากนี้ ยังสามารถกระจายการลงทุนไปยังตลาดเกิดใหม่ได้ด้วย และมีการปรับพอร์ตรวดเร็วให้ทันสถานการณ์”  
  
“กองทุนหลักสามารถสร้างผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 23.04% ดัชนีชี้วัดอยู่ที่ 15.90% ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 40.88% ดัชนีชี้วัดอยู่ที่ 35.08% และผลการดำเนินงานย้อนหลัง 5  ปีอยู่ที่ 84.34% ดัชนีชี้วัดอยู่ที่ 77.76%” (ที่มา : Credit Suisse ณ ธ.ค. 63 Iผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต) 
 
นางสุภาพร  ลีนะบรรจง  กล่าวต่อว่า “ในภาวะปัจจุบันที่เศรษฐกิจทั่วโลกยังคงมีความไม่แน่นอนสูง  การลงทุนในสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตการลงทุน  เนื่องจากรูปแบบธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานมีลักษณะผูกขาด มีสัมปทานระยะยาวทำให้คู่แข่งรายใหม่เข้าสู่ตลาดได้ยาก ทำให้มีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ  ค่อนข้างคาดการณ์ได้  อีกทั้งธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานยังได้รับผลกระทบจากวัฎจักรเศรษฐกิจในระดับต่ำ เพราะเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าความต้องการโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกจะสูงถึง 94 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2583” (ที่มา Global infrastructure hub ณ ธ.ค. 63)
 
“นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตของโครงสร้างพื้นฐานหลายประการ เช่น การกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐผ่านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อขับเคลื่อนการจ้างงานและเพิ่มปริมาณการผลิตในระบบ”
 
   “การเติบโตของยุคดิจิตอลก่อให้เกิดธีมการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานยุคใหม่ เช่น เมืองอัจฉริยะ ซึ่งเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเชื่อมต่อสิ่งต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพซึ่ง 5G ถือเป็นหัวใจสำคัญของเมืองอัจฉริยะซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วให้สูงกว่า 4G ถึง 100 เท่า   จากข้อมูลปีที่ผ่านมาพบว่าเมืองที่มีประชากร  1 ล้านคนมีปริมาณการใช้ข้อมูลสูงถึง 200 ล้านกิกะไบต์ต่อวัน และคาดการณ์ว่าปริมาณข้อมูลทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 10 เท่าภายในปี 2568   จึงจำเป็นต้องมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้ในการจัดเก็บและรับส่งข้อมูลเพิ่มมากขึ้น เช่น ศูนย์ข้อมูล  สัญญาณโทรคมนาคม สายสัญญาณความเร็วสูง เป็นต้น”
 
 “ปัจจัยจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศของโลกก็ส่งผลให้พลังงานทดแทนและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้รับความนิยมมากขึ้น   และปัจจัยด้านการเดินทางที่คาดการณ์ว่าจำนวนผู้โดยสารทางอากาศจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น 7.8 พันล้านรายภายในปี 2579  ล้วนแต่เป็นปัจจัยหนุนให้โครงสร้างพื้นฐานมีโอกาสเติบโตสดใส โดยเฉพาะเมื่ออัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์อย่างในปัจจุบัน” 
 
 “ตัวอย่างหลักทรัพย์ที่กองทุนหลักลงทุน เช่น American Tower Corp ผู้ให้บริการระดับโลกด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรับส่งสัญญาณไร้สายที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตด้านการใช้งานข้อมูลทั่วโลก Cellnex บริษัทเสาสัญญาณโทรคมนาคม (TowerCo) รายใหญ่ที่สุดในยุโรป  Nextera ผู้ผลิตพลังงานลมและแสงแดดที่ใหญ่ที่สุดในโลก และสาธารณูปโภคไฟฟ้าที่มีการกำหนดราคาโดยรัฐบาลที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ  Ferrovial ผู้บริหารโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งระดับโลก และ Vinci บริษัทระดับโลกในการบริหารกิจการสัมปทานและการก่อสร้าง เป็นต้น”
 
“บลจ.กรุงศรี เชื่อว่ากองทุน KFINFRA-A จะมีส่วนช่วยให้ผลตอบแทนรวมของพอร์ตการลงทุนมีโอกาสเติบโตมากขึ้น และรับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี” นางสุภาพร กล่าว
 
*Morningstar Rating จาก Credit Suisse ณ พ.ย. 63 โดยการจัดอันดับดังกล่าว ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการจัดอันดับของสมาคมบริษัทจัดการลงทุนแต่อย่างใด
 
KFINFRA-A มีนโยบายลงทุนใน Credit Suisse (Lux) Infrastructure Equity Fund, Class IB USD (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV ความเสี่ยงระดับ 6: เสี่ยงสูง และกองทุนการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
 
ขอข้อมูลหนังสือชี้ชวนได้ที่สำนักงานของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด โทร. 02-657-5757
หรือ ติดต่อธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา
 
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า  เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง ก่อนการตัดสินใจลงทุน   

ข้อมูลกองทุน KFINFRA-A คลิก
เอกสารประกอบเปิดด้วยโปรแกรม Acrobat Reader หากท่านไม่มีโปรแกรมดังกล่าว คลิกเพื่อ ดาวน์โหลด โปรแกรม (ไม่มีค่าใช้จ่าย)

ย้อนกลับ

ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน