บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงศรี จำกัด จัดสัมมนาทางออนไลน์ในหัวข้อ “Cashing in on Fixed Income Opportunities amidst Virus Worries” ฟื้นความมั่นใจในการลงทุนตราสารหนี้เอกชนคุณภาพดีทั่วโลก พร้อมเปิดตัวกองทุนเปิดกรุงศรีไดเวอร์ซิไฟด์อินคัม (KFDIVERSE) กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศใหม่ ความเสี่ยงต่ำ โอกาสรับผลตอบแทนสูงเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวจากวิกฤติโควิด -19 เตรียมเสนอขายครั้งแรก 19 - 26 พฤษภาคม นี้
ที่งานสัมมนา นายแมทธิว ลีวาส ผู้อำนวยการอาวุโสและนักวางกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์เครดิต จาก PIMCO หนึ่งในผู้นำกองทุนตราสารหนี้ระดับโลก พร้อมด้วย นายเกียรติศักดิ์ ปรีชาอนุสรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนทางเลือก บลจ.กรุงศรี ได้มาร่วมกันให้ข้อมูลเกี่ยวกับสภาวะและทิศทางการลงทุน ตลอดจนโอกาส และความเสี่ยงในการลงทุนตราสารหนี้เอกชนทั่วโลก พร้อมแชร์กลยุทธ์การลงทุน การบริหารจัดการความเสี่ยง และพอร์ตของกองทุนหลัก PIMCO GIS Diversified Income Fund ที่สร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าเมื่อตลาดขาขึ้น และป้องกันความเสี่ยงได้อย่างดีในตลาดขาลง
นายเกียรติศักดิ์ กล่าวว่าช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาที่เกิดโควิด-19 ส่งผลให้ตลาดปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบ 11 ปีในทุกประเภทสินทรัพย์เสี่ยง รวมทั้งตราสารหนี้ โดยเฉพาะ High Yield ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากผู้ลงทุนกังวลว่าจะมีความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้สูง แต่จากการที่รัฐบาลและธนาคารกลางออกมาตรการช่วยเหลือ โดยเข้าซื้อตราสารในบางกลุ่มทำให้ความผันผวนลดลงและมีทิศทางที่ดีขึ้น เหมาะที่จะกลับเข้าไปลงทุนอีกครั้ง
นายเกียรติศักดิ์ กล่าวถึงจุดเด่นของ PIMCO GIS Diversified Income Fund ซึ่งเป็นกองทุนหลักของ KFDIVERSE ว่าเป็นกองทุนที่สามารถให้ผลตอบแทนสูง บนความเสี่ยงที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับกองทุนตราสารหนี้อื่นๆ มีกลยุทธ์เด่นในเรื่องของการกระจายการลงทุนในตราสารหนี้หลากหลายประเภทด้วยสไตล์การลงทุนแบบเชิงรุก และ มีความยืดหยุ่นทำให้ปรับเปลี่ยนพอร์ตได้ทันต่อสถานการณ์ ตลอดจนการจัดการบริหารพอร์ตให้มีคุณภาพด้วยความเชี่ยวชาญของทีมผู้จัดการกองทุน ทำให้มีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างสม่ำเสมอตลอดกว่า 10 ปีทีผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงภาวะวิกฤตเศรษฐกิจจากไวรัสโควิด-19 ในครั้งนี้ กองทุนสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ทำให้สามารถจำกัดการขาดทุนได้อย่างทันท่วงที มีประสิทธิภาพทำให้ติดลบน้อยกว่าตลาดและน้อยกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรม
ที่มา: PIMCO ณ 31 มี.ค. 63 ผลการดำเนินงานที่แสดงเป็นผลการดำเนินงานของกองทุนหลัก ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน
สำหรับพอร์ตการลงทุนของ PIMCO GIS Diversified Income Fund นายแมทธิวกล่าวว่า กองทุนมีการกระจายการลงทุนในตราสารประเภทต่างๆ ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันระหว่างสินทรัพย์ที่เป็น Investment Grade ประมาณ 25% โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในบริษัทที่มีพื้นฐานดี มีงบดุลแข็งแกร่ง อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีความทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ต่อมาคือตราสารประเภท High Yield ประมาณ 23% ของพอร์ต จะเป็นบริษัทขนาดเล็กที่ให้ผลตอบแทนสูง แต่จะระมัดระวังในการคัดเลือกสินทรัพย์รายตัวที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้ในระดับสูง ทนทานต่อความผันผวนของเศรษฐกิจได้ดี และอีกกลุ่มที่กองทุนให้น้ำหนักคือตราสารหนี้ในตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะที่ออกโดยภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ (sovereign) ประมาณ 22% และที่ไม่ใช่รัฐบาล (non-sovereign) อีก 8% ส่วนที่เหลือกระจายไปในกลุ่มอื่นๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาลหรือเงินสด เป็นต้น ทั้งนี้กองทุนยังกระจายการลงทุนทั้งในตลาดที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา และตลาดเกิดใหม่ที่มีศักยภาพ
ที่มา: PIMCO ณ 31 มี.ค. 63 | ข้อมูลสัดส่วนแสดงเป็นอัตราเมื่อเทียบกับมูลค่าตลาด | Other Regions รวมถึง Non EMU European countries และ Developed Asia
กลยุทธ์การบริหารจัดการความเสี่ยงของกองทุนผสมผสานวิธีการ Top-down คือมองภาพรวมเศรษฐกิจ วิเคราะห์สถานการณ์และมองหาสินทรัพย์ที่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ กับแบบ Bottom Up โดยคัดเลือกและวิเคราะห์สภาพคล่องของแต่ละสินทรัพย์ก่อนเข้าลงทุน โดยเฉพาะตราสาร High Yield ในพอร์ตของกองทุนส่วนใหญ่จะเป็นตราสารคุณภาพสูงที่ได้รับการจัดอันดับระดับ BB กองทุนจะหลีกเลี่ยงการลงทุนในกลุ่มที่เปราะบาง เช่น กลุ่มพลังงานและน้ำมัน และเลือกกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีพื้นฐานดี มีศักยภาพในการเติบโต โดยให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มธนาคาร และการเงินที่ได้มีการปรับงบดุลจนมีโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแรง และกลุ่มที่มีโอกาสเติบโตได้ดี สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ เช่น กลุ่มโทรคมนาคม เป็นต้น วิธีการนี้ช่วยให้กองทุนจัดการความเสี่ยง และสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าได้อย่างสม่ำเสมอ
ที่มา: PIMCO ณ 31 ธ.ค. 62 | ข้อมูลข้างต้นใช้เพื่อประกอบการอธิบายเท่านั้น (*นางฟ้าตกสวรรค์ (Fallen angels หมายถึง ตราสารหนี้ที่เคยได้รับการจัดอันดับเป็น investment grade แต่หลังจากนั้นถูกลดอันดับเป็น junk bonds)
ที่ผ่านมา อัตราการผิดนัดชำระหนี้ของ PIMCO โดยรวมมีเพียง 0.3% เท่านั้น เมื่อเทียบกับตลาด ส่วนอัตราการผิดนัดชำระหนี้ของตราสาร High Yield ปกติจะอยู่ที่ประมาณ 4 - 5% แต่ PIMCO สามารถควบคุมให้อยู่ในระดับ 0.6% เท่านั้น ขณะที่ Recovery Rate ของ High Yield อยู่สูงถึง 60% จึงมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้มากกว่าขาดทุน
นายแมทธิวให้มุมมองภาวะการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังว่า มีโอกาสปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม กองทุนพยายามเฝ้าติดตามทิศทางของเศรษฐกิจโดยจับตาดูปัจจัยต่างๆ ได้แก่ ภาวะการแพร่ระบาดเริ่มมีแนวโน้มลดลง มาตรการการผ่อนคลายการปิดเมืองต่างๆ ทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกา มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐและยุโรป ปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ และมีผลต่อการสินทรัพย์ที่จะเข้าลงทุน
นายเกียรติศักดิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงทุนในช่วงเศรษฐกิจเช่นนี้ จะเป็นโอกาสดีที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงมากในปีถัดๆ ไป เปรียบเทียบกับวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อปี 2008 ที่ตลาดปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง แต่สามารถกลับมาสร้างผลตอบแทนในระดับที่สูงถึง 25% ในปีต่อมา ประกอบกับการที่ภาครัฐมีการออกมาตรการหลายอย่างทำให้มีโอกาสที่เศรษฐกิจจะกลับมาดีขึ้นได้ในระยะอีก 1-2 ปีข้างหน้า นายแมทธิวให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันระดับผลตอบแทนจากการถือครองตราสารหนี้ในพอร์ตการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 6.3% ต่อปี ซึ่งน่าจะเป็นตัวชี้วัดที่บ่งบอกโอกาสการสร้างผลตอบแทนที่ดีของกองทุนได้
KFDIVERSE เป็นอีกหนึ่งทางเลือกกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศของ บลจ.กรุงศรี โดยก่อนหน้านี้ บลจ. กรุงศรีมีกองทุน KF-CSINCOM & KF-SINCOME ที่สัดส่วนการลงทุนหลักในตราสารที่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน (Securitized) และกองทุน KFPREFER ที่ลงทุนในหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่าแต่ก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าเช่นกัน โดยนายเกียรติศักดิ์กล่าวว่า นักลงทุนควรกระจายน้ำหนักการลงทุนอย่างเหมาะสม โดยอาจพิจารณากองทุน KF-CSINCOM & KF-SINCOME เป็นสัดส่วนหลักของพอร์ตการลงทุน และเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้น ด้วยการแบ่งน้ำหนักการลงทุนไปยังกองทุน KFDIVERSE และ KFPREFER
กองทุน KFDIVERSE มีการป้องกันความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และ มี 2 นโยบายให้เลือกลงทุน คือ
KFDIVERS-A: ไม่มีนโยบายการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ
KFDIVERS-R: รับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ โดยสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุน KFCASH-A ปีละ 4 ครั้ง (การรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติจะทาให้หน่วยลงทุนของผู้ถือหน่วยลงทุนแต่ละรายลดลง)
กองทุนจะเสนอขายครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 19 - 26 พฤษภาคมนี้ สำหรับผู้ที่ลงทุนตั้งแต่ 30 ล้านบาทขึ้นไป จะเสียค่าธรรมเนียมการซื้อหรือสับเปลี่ยนเข้าเพียง 0.75% เท่านั้น (จากปกติอยู่ที่1%)
สนใจดูข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม คลิกที่นี่
คำเตือน
-
เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือ และความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
-
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
-
KFDIVERSE มีนโยบายการลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ PIMCO GIS Diversified Income Fund (Institutional – Income (USD)) (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนหลักมีนโยบายการลงทุนอย่างน้อย 2 ใน 3 ของสินทรัพย์ในตราสารหนี้ที่มีอายุเฉลี่ยหลากหลายประเภท ดังนั้น กองทุนอาจมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และ/หรือการเมืองในประเทศซึ่งกองทุนหลักได้ลงทุน | กองทุนมีความเสี่ยงระดับ 5: เสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง
-
KFDIVERSE อาจมีการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Non-investment grade) หรือไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (unrated) ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นจากการไม่ได้ชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย
-
KFDIVERSE, KF-CSINCOM, KF-SINCOME และ KFPREFER ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ซึ่งอาจมีต้นทุนสาหรับการทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว โดยทำให้ผลตอบแทนของกองทุนโดยรวมลดลงเล็กน้อยจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
โทร 0 2657 5757 หรือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) /
ผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน