กรุงศรีจัดสัมมนา Staying ahead of Changes: Investing in Disruptive Technology

17 พฤษภาคม 2562

KFHTECH-A กองทุนเทคโนโลยีน้องใหม่จาก บลจ.กรุงศรี โอกาสสร้างผลกำไรไปพร้อมกับเศรษฐกิจโลกยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี เปิดเสนอขายระหว่าง 21-29 พค.นี้ 

 
14 พฤษภาคม 2562 - ธนาคารกรุงศรี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด (บลจ.กรุงศรี) จัดสัมมนาในหัวข้อ “Staying Ahead of Changes: Investing in Disruptive Technology” พร้อมแนะนำ “กองทุนเปิดกรุงศรีเวิล์ดเทคอิควิตี้เฮดจ์เอฟเอ็กซ์ – สะสมมูลค่า” (KFHTECH-A) ที่ลงทุนผ่านกองทุนรวมต่างประเทศ BGF World Technology Fund กองทุนชั้นนำระดับโลก ระดับ 5 ดาวจาก Morningstar* เกาะกระแสการเจริญเติบโตของเทคโนโลยีที่นำพาความเปลี่ยนแปลงในการใช้ชีวิตของผู้คน และเปลี่ยนโครงสร้างอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วโลก (*ที่มา: Morningstar rating จาก Blackrock ณ 28 ก.พ. 62. โดยการจัดอันดับดังกล่าวไม่มีความเกี่ยวข้องกับการจัดอันดับของสมาคมบริษัทจัดการลงทุนแต่อย่างใด)  

ในงานนี้ บลจ.กรุงศรี ได้เชิญ Mr. AJ Ziegler, CFA & Vice President จาก BlackRock Inc. หนึ่งในทีมผู้บริหารกองทุน BGF World Technology Fund พร้อมด้วย นายเกียรติศักดิ์ ปรีชาอนุสรณ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนทางเลือก บลจ.กรุงศรี มาร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวคิดในการลงทุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โอกาสและความเสี่ยงในการลงทุน ตลอดจนความน่าสนใจของกองทุน BGF World Technology Fund วิธีการบริหารจัดการกองทุน กลยุทธ์ในการคัดเลือกหุ้นในพอร์ตของกองทุนและผลการดำเนินงานที่ผ่านมา
 

นายเกียรติศักดิ์กล่าวว่า ในขณะนี้ปัจจัยเสี่ยงของตลาดหุ้นทั่วโลกคือสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับฐานลดลงมาพอสมควร แต่เชื่อว่าการเจรจาทางการค้าที่ยังคงดำเนินอยู่ จะช่วยประคองตลาดให้ไปต่อได้ จึงเป็นโอกาสและเวลาที่เหมาะสมในการเข้าลงทุน โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีที่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้ามากนัก เนื่องจากเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตสูง และถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกให้เติบโตในอีกสิบปีข้างหน้า
ที่มา : BlackRock, ก.พ.62 ๏ AI ย่อมาจาก Artificial intelligence. EV ย่อมาจาก Electric vehicles. AV ย่อมาจาก Autonomous vehicles. OTT ย่อมาจาก Over-the-top. CPG ย่อมาจาก Capital goods

ปัจจุบัน เทคโนโลยีเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยบริษัทที่มูลค่าตลาดสูงที่สุด 10 อันดับแรกของโลกมีหุ้นที่อยู่ในกลุ่มเทคโนโลยีถึง 7 บริษัท(1) ต่างจากสิบปีที่แล้วที่มีเพียงสองบริษัทคือ Microsoft และ Apple โดยปีที่ผ่านมา Apple เป็นบริษัทแรกของสหรัฐที่มีมูลค่าตลาดเกิน 1 ล้านล้านเหรียญ(2) จึงเห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยีกำลังเติบโตเป็นอย่างมากและเข้าไปมีบทบาทสำคัญและนำพาความเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ทั้งต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คน เช่น การสื่อสาร การให้บริการ การซื้อขายออนไลน์ ระบบ E-Payment โดยการเข้ามามีบทบาทของ AI (Artificial Intelligence) และ 5G จะเข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมและการใช้ชีวิตของผู้คนเป็นอย่างมาก 
นอกจากนี้ เทคโนโลยียังส่งผลกระทบในการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง (Disrupt) และรูปแบบการแข่งขันเชิงธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกด้วยเช่น ธุรกิจสื่อโฆษณา ค้าปลีก การเงิน และยานยนต์ที่มีผู้เล่นรายใหม่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันจนกลายเป็นผู้นำในตลาดได้ เช่น ธุรกิจโฆษณาที่มี Google และ Facebook เข้ามาแชร์ส่วนแบ่งถึง 25% ของค่าใช้จ่ายด้านการโฆษณาทั่วโลก(3) บริษัท Tesla ที่กลายมาเป็นอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐ(4) หรือ Yu’e Bao ของ Alibaba ที่ขึ้นมาเป็นกองทุน Money Market ที่ใหญุ่ที่สุดในโลกทั้งที่จัดตั้งขึ้นมาได้เพียง 4 ปี(5) สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นการที่เทคโนโลยีเข้ามาแทนที่ธุรกิจรูปแบบเดิมๆ โดยสิ้นเชิง และใช้เวลาไม่นานนัก
(ที่มา :  (1) Bloomberg, Forbes 500, เม.ย. 62
                    (2) www.investingmoney.biz, เม.ย. 62     
                    (3) https://singularityhub.com ณ เม.ย. 62
                    (4) Bloomberg, เม.ย. 62
                    (5) macrobusiness.com.au , Moody’s, Wind, Bloomberg, พ.ค. 60)


นาย AJ กล่าวเพิ่มเติมว่า ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้บริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีมีการเติบโตสูง มีกระแสเงินสดหมุนเวียนดี มีผลกำไรมาก จึงเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจในการลงทุน ทั้งนี้ การเติบโตดังกล่าวจะแตกต่างจากช่วงวิกฤติดอทคอมเมื่อยี่สิบปีที่แล้วที่ตลาดซื้อขายกันถึง 60-80 เท่าจนเกิดภาวะฟองสบู่ สำหรับตอนนี้ แม้ว่า P/E ของตลาดจะปรับขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2008 และมีการซื้อขายที่ระดับราคาสูงกว่าตลาดโดยรวม แต่อุตสาหกรรมก็มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีกว่า ทำให้สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง ขณะที่ราคาของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยียังอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล บนงบดุลที่แข็งแกร่ง
Premium ของอุตสาหกรรม MSCI All Country World IT เมื่อเทียบกับตลาด
ที่มา: Bloomberg, 19 เม.ย. 62. Premium คานวณจาก MSCI All Country World IT Index / MSCI All Country Index

สำหรับ BGF World Technology Fund นั้น นับว่าเป็นกองทุนมีความเชี่ยวชาญเฉพาะในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมามากกว่าสิบปี มีทีมผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์ด้านการบริหารกองทุนมาอย่างยาวนานกว่า 25 ปี และด้วยความที่เป็นกองทุนขนาดใหญ่มีสำนักงานตั้งอยู่ในซิลิคอน วัลเลย์ อันเป็นที่ที่จะได้เห็นนวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา ทีมงานจึงสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลของบริษัทต่างๆ ได้โดยง่าย สามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อหาปัจจัยที่เหมาะสมในการเข้าลงทุน พอร์ตการลงทุนของกองทุนประกอบด้วยหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีทั่วโลกไม่น้อยกว่า 80-120 บริษัท โดยมีกลยุทธ์การคัดเลือกหุ้นจากทั่วทุกภูมิภาคโดยพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐาน การเติบโต ผสมผสานทั้งบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ที่มีผลกำไรดี มีการเติบโตที่มั่นคง และค้นหาบริษัทใหม่ๆ ที่มีศักยภาพสูง มีโอกาสก้าวเข้ามาแทนที่ผู้เล่นรายเดิม สามารถเติบโตและทำกำไรได้ในอนาคต

สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีนี้น ได้แก่ เทคโนโลยี AI, Cloud Computing, Internet of Things, 5G หรือการใช้เทคโนโลยีมาให้บริการ เช่น Netflix หรือ Spotify และรถยนต์อัตโนมัติ บริษัทที่สามารถนำเอาปัจจัยดังกล่าวมาพัฒนาต่อยอดเป็นธุรกิจ ก็จะมีศักยภาพที่เติบโตได้ อย่างเช่น Square ซึ่งเป็นหุ้นในกลุ่ม AI พัฒนาระบบการจ่ายเงินทางอิเล็คทรอนิคส์ โดยเน้นในเรื่องการป้องกันการทุจริต หรือ Cloud Computing ทีทำให้เกิดการพัฒนาด้านซอฟท์แวร์ต่างๆ สำหรับการบริการ ซึ่งประเด็นดังกล่าวนำมาเป็นปัจจัยที่กองทุนพิจารณาในการลงทุน โดยกองทุนให้น้ำหนักการลงทุนกับหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับซอฟท์แวร์ในการให้บริการ และธุรกิจด้านอินเทอร์เน็ตเป็นหลัก เช่น Alibaba, Amazon, Netflix, Tencent เป็นต้น และให้ความสำคัญกับภูมิภาคตลาดเกิดใหม่ที่มีอัตราการเติบโตสูง การจัดพอร์ตของกองทุนด้วยวิธีดังกล่าว ทำให้ตลอดกว่าสิบปีที่ผ่านมา กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นกว่าคู่แข่งและเหนือกว่าดัชนีชี้วัดมาอย่างต่อเนื่อง
ผลการดำเนินงานที่เหนือกว่าคู่แข่งและดัชนีชี้วัด
ที่มา: BlackRock, Morningstar, 28 ก.พ. 62 | ดัชนีชี้วัด คือ MSCI ACWI Information Technology | Peers อ้างอิงจาก Morningstar Peer Group Median | ผลการดำเนินงานแสดงในรูปสกุลเงิน USD ของ Class A2 ซึ่งเป็นคลาสที่จัดตั้งมายาวนานที่สุด โดยจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 มี.ค. 38 ในขณะที่กองทุน KFHTECH จะลงทนใน Class D2 ซึ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 54 โดยทั้งสอง Share class มีนโยบายและกลยุทธ์การลงทุนเหมือนกัน | ผลการดำเนินงานที่แสดงเป็นผลการดำเนินงานของกองทุนหลัก ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานการวัดผลการดำเนินงานของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน

นายเกียรติศักดิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า จากผลการดำเนินที่แข็งแกร่ง ตลอดจนปัจจัยต่างๆ ดังที่กล่าวมา ทำให้ บลจ. กรุงศรีได้คัดเลือกกองทุน BGF World Technology Fund มาเป็นกองทุนหลัก นักลงทุนที่สนใจสามารถลงทุนผ่าน กองทุนเปิด KFHTECH-A ทั้งนี้ กองทุนเหมาะสำหรับการลงทุนระยะกลางขึ้นไป เนื่องจากการลงทุนในเทคโนโลยีเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา

คลิกที่ีนี่เพื่อดูโปรโมชั่นกองทุน 

คำเตือน
1.ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนควรขอคำแนะนาเพิ่มเติมก่อนการลงทุน
2.เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จาเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
3.KFHTECH-A ลงทุนในกองทุนหลัก BGF World Technology Fund (Class D2 USD) ซึ่งมีนโยบายการลงทุนในตราสารทุนของบริษัทต่างๆ ทั่วโลกที่มีธุรกรรมทางเศรษฐกิจที่โดดเด่นในหมวดเทคโนโลยี ดังนั้น กองทุนอาจมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และ/หรือการเมืองในประเทศซึ่งกองทุนหลักได้ลงทุน
4.กองทุนรวมนี้อาจมีการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ากว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Non-investment grade) หรือไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Unrated bond) ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นจากการไม่ได้ชาระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย
5.กองทุนมีนโยบายการลงทุนเฉพาะเจาะจงในหมวดอุตสาหกรรม จึงอาจมีความเสี่ยงและความผันผวนของราคาสูงกว่ากองทุนรวมทั่วไปที่มีการกระจายการลงทุนในหลายอุตสาหกรรม
6.กองทุนจะใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเต็มจำนวน ซึ่งอาจมีต้นทุนสำหรับการทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว โดยทำให้ผลตอบแทนของกองทุนโดยรวมลดลงเล็กน้อยจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
7.กองทุนไทยและ/หรือกองทุนหลักอาจลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน ทำให้กองทุนไทยและ/หรือกองทุนหลัก อาจมีความเสี่ยงมากกว่ากองทุนรวมที่ลงทุนในหลักทรัพย์อ้างอิงโดยตรง เนื่องจากใช้เงินลงทุนในจำนวนที่น้อยกว่าจึงมีกำไร/ขาดทุนสูงกว่าการลงทุนในหลักทรัพย์อ้างอิงโดยตรง
 

 
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนกองทุนได้ที่
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
ชั้น 1-2 โซนเอ, 12, 18 อาคารเพลินจิตทาวเวอร์ เลขที่ 898 ถนนเพลินจิต เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
โทรศัพท์ 0 2657 5757 l    โทรสาร 0 2657 5777
E-mail: krungsriasset.mktg@krungsri.com | Website: www.krungsriasset.com

เอกสารประกอบเปิดด้วยโปรแกรม Acrobat Reader หากท่านไม่มีโปรแกรมดังกล่าว คลิกเพื่อ ดาวน์โหลด โปรแกรม (ไม่มีค่าใช้จ่าย)

ย้อนกลับ

ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน