บลจ.กรุงศรี นำเสนอกองทุนใหม่ กรุงศรีไชน่าเอแชร์อิควิตี้-สะสมมูลค่า (KFACHINA-A)

28 กุมภาพันธ์ 2561
บลจ.กรุงศรีนำเสนอ “กองทุนเปิดกรุงศรีไชน่าเอแชร์อิควิตี้-สะสมมูลค่า” (KFACHINA-A)  
กองทุนหุ้นจีนเอแชร์เชิงรุกกองแรกที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนคว้าโอกาสทำกำไรสูงในตลาดยุคเศรษฐกิจใหม่ที่กำลังเติบโต เหมาะลงทุนระยะยาว เสนอขายช่วงแรก 26 ก.พ.- 5 มี.ค นี้

22 กุมภาพันธ์ 2561 – บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด (บลจ.กรุงศรี) เปิดตัวกองทุนหุ้นจีนตัวใหม่ล่าสุด “กองทุนเปิดกรุงศรีไชน่าเอแชร์อิควิตี้-สะสมมูลค่า” (KFACHINA-A)”  กองทุน Active Fund กองแรกและกองเดียวที่ให้นักลงทุนไทยคว้าโอกาสลงทุนในหุ้นจีนเอแชร์ที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมยุคเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) ของจีน โดยจะลงทุนผ่านกองทุน UBS (Lux) Investment SICAV – China A Opportunity กองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นจีนที่ซื้อขายในตลาดหุ้น A-Shares ที่เซี่ยงไฮ้ และเซินเจิ้นที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่น ทำกำไรเอาชนะตลาดได้มากกว่า 110% ในรอบปีที่ผ่านมา และผู้บริหารกองทุนเชื่อมั่นว่ากองทุนจะยังสามารถทำกำไรในยุคเศรษฐกิจใหม่ของจีนที่กำลังเติบโต
 


ในงานสัมมนาที่บลจ.กรุงศรี จัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ นายเกียรติศักดิ์ ปรีชาอนุสรณ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนทางเลือก พร้อมด้วย Mr. Projit Chatterjee, Senior Equity Specialist จาก UBS (Lux) Investment SICAV – China Opportunity ร่วมกันให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาพรวมทางเศรษฐกิจของจีนในปัจจุบัน โอกาสในการลงทุนในยุคเศรษฐกิจใหม่ พร้อมทั้งให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้กองทุนหลักสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่โดดเด่นเหนือตลาดในรอบปีผ่านมา 

 
นายเกียรติศักดิ์กล่าวว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจของประเทศจีนขึ้นอยู่กับภาคอุตสาหกรรมใน 2 ระบบเศรษฐกิจคือ ในระบบเศรษฐกิจแบบเก่า (Old China) และในระบบเศรษฐกิจแบบใหม่ (New China) อุตสาหกรรมในเศรษฐกิจยุคเก่า ได้แก่ อุตสาหกรรมเหล็ก ถ่านหิน หรืออุตสาหกรรมสิ่งทอมีตัวเลขการเติบโตโดยรวมอยู่ที่ 6.7% เท่านั้น เป็นสิ่งที่ทำให้เศรษฐกิจและตัวเลขการเติบโตของ GDP ชะลอตัวลง แต่สำหรับภาคอุตสาหกรรมที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนจะอยู่ในเศรษฐกิจใหม่เช่น กลุ่มไอที Healthcare สินค้าและบริการที่เพิ่มคุณภาพชีวิต ซึ่งมีการเติบโตในระดับสูงมาก โดยมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจาก 22% เป็น 44% ในช่วง 11 ปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มที่จะเติบโตแบบ double digit ต่อไปได้อีกในระยะยาว อุตสาหกรรมเหล่านี้กำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจีนให้เติบโต

นายเกียรติศักดิ์ชี้ว่า ตลาดหุ้นจีนใน New China มีธีมการลงทุนแบ่งเป็นสองประเภทหลักๆ ได้แก่สินค้าประเภท Consumption Upgrade เช่นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (healthcare) หรือสินค้าที่เป็นหรูหรา ราคาแพง ระดับ high-end และสินค้าประเภทนวัตกรรม (Innovation) เช่นสินค้าไอที และเทคโนโลยี ซึ่งสองกลุ่มนี้ มีอัตราการเติบโตมากกว่า 10% เนื่องจากผู้บริโภคจีนมีรายได้เพิ่มขึ้น มีกำลังซื้อสูงมากขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทต่างๆ ก็มีการพัฒนาช่องทางการซื้อขายในรูปแบบของ e-commerce เพิ่มมากขึ้น มีการจัดเก็บฐานข้อมูลลูกค้าในรูปแบบ Big Data เพิ่มมากขึ้น ทำให้เป็นการกระตุ้นการบริโภคได้เป็นอย่างดี 

สำหรับหุ้นที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมที่เป็นเศรษฐกิจใหม่นั้น ปัจจุบันซื้อขายอยู่ในตลาด A-Shares เป็นหลัก ซึ่ง บลจ.กรุงศรีได้คัดเลือกกองทุน กองทุน UBS (Lux) Investment SICAV – China Opportunity ที่ทำผลงานได้โดดเด่นเหนือตลาดมาตลอดระยะเวลาสี่ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน โดยสามารถสร้างผลตอบแทนได้มากถึง 155% เอาชนะตลาดที่กำไรได้อยู่ที่ 44% ทำผลตอบแทนเหนือตลาดได้ถึง 110% ทั้งนี้เป็นผลมาจากกระบวนการคัดเลือกหุ้นที่แข็งแรงและเข้มข้น
แหล่งข้อมูล: UBS Asset Management ณ 31 ธ.ค. 61

Mr. Projit ตัวแทนทีมผู้บริหารกองทุน UBS (Lux) Investment SICAV – China Opportunity กล่าวว่า แม้การลงทุนในตลาด A-Shares นั้นดูจะความผันผวนและมีความเสี่ยงสูงกว่า เนื่องจากเป็นตลาดที่มีนักลงทุนรายย่อยอยู่มากกว่า 70% ทำให้ตลาดมีความผันผวนจากพฤติกรรมการเล่นหุ้นของนักลงทุนรายย่อย แต่ก็นับว่าเป็นโอกาสของกองทุนในการเข้าซื้อขายในเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากกองทุนมองการลงทุนในระยะยาวมากกว่า 

ปัจจุบัน กองทุนมีหลักทรัพย์ในพอร์ตเพียง 20 กว่าตัวเท่านั้น ที่พิจารณาเป็นอย่างดีแล้วว่ามีโอกาสที่จะทำกำไรได้มากในอนาคต หุ้นทุกตัวล้วนเป็นผู้นำในตลาดในภาคอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต กองทุนจะมีเช็คลิสต์ในการคัดกรองบริษัทที่เข้าหลักเกณต์ต่างๆ เช่นเป็นบริษัทที่มีรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน ทีมผู้บริหารมีความโปร่งใส บริษัทมีธรรมาภิบาลที่ดี พนักงานมีคุณภาพ มีการลงทุนในเรื่องของการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมทั้งพิจารณาในเรื่องของกระแสเงินสด โดยดูว่าเป็นธุรกิจที่มีโอกาสสร้างกระแสเงินสดได้ดี ค่า P/E ต่ำ มูลค่าตัวเลขทางบัญชี (book value) อยู่ในเกณฑ์ ดี เป็นต้น เมื่อคัดเลือกได้แล้วจึงจะหาราคาที่เหมาะสม และรอคอยโอกาสเหมาะสมที่จะเข้าลงทุน

กองทุนให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรม ประเภท Consumption Upgrade, Healthcare และ IT ที่มีโอกาสทำกำไรสูงอย่างเช่นบริษัท Kweichow Moutai ผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบรนด์ระดับพรีเมี่ยมของจีน, บริษัท Ping An Insurance Group บริษัทประกันภัยรายใหญ่มากของจีน ที่มีฐานข้อมูลลูกค้ามากกว่า 300 ล้านคน ซึ่งสามารถต่อยอดธุรกิจไปได้อีกกว้างขวางด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินและรูปแบบ e-commerce ที่ครบวงจร,บริษัท Jiangsu Hengrui Medicine ผู้ผลิตยารายใหญ่ที่มีการลงทุนในการวิจัย R&D มากถึง 10% ของยอดขาย  เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาที่มีนวัตกรรม เช่นยารักษามะเร็งซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตสูง, บริษัท Midea Group และ Gree Electric Appliances Inc ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องปรับอากาศรายใหญ่ในตลาด ครองส่วนแบ่งตลาดทั้งตลาดในประเทศจีนและส่งออกไปอีกหลายประเทศ 

ทั้งนี้ คุณเกียรติศักดิ์มองว่า หุ้นที่คัดเลือกเป็นอย่างดีมาแล้วนี้ แสดงถึงความเชื่อมั่นในหุ้นแต่ละตัวที่คัดกรองมาอย่างดี บริษัทที่เป็นขนาดใหญ่ ทำให้มีความเชื่อถือได้มากขึ้นในแง่ของความโปร่งใส กองทุนจะลงทุนเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่น อีกทั้งปัจจุบัน ตลาดหุ้น A-Shares กำลังอยู่ระหว่างการนำเข้าไปคำนวณในดัชนีของ MSCI 3 ดัชนี ด้วยกัน คือ MSCI Emerging Market, MSCI Asia Ex Japan และ MSCI All Countries ซึ่งจะทำให้ตลาดจะมีนักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนได้ ดังนั้น พฤติกรรม คุณภาพ และมาตรฐานทางบัญชีของหุ้นก็จะมีแนวโน้มดีขึ้น

คำเตือน
- กองทุนเปิดกรุงศรีไชน่าเอแชร์อิควิตี้ – หน่วยลงทุนชนิดสะสมมูลค่า จะนำเงินไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศชื่อ UBS (Lux) Investment SICAV - China A Opportunity Fund (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV ซึ่งมีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นคลาสเอของจีน (Chinese A-Shares) ที่จดทะเบียนหรือซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่อยู่ประเทศจีนได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ และตลาดหลักทรัพย์เสินเจิ้น ดังนั้น กองทุนอาจมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และ/หรือการเมืองในประเทศซึ่งกองทุนหลักได้ลงทุน 
- กองทุนมีระดับความเสี่ยง 6: เสี่ยงสูง มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน โดยปกติกองทุนจะเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ณ ขณะใดขณะหนึ่งโดยไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งอาจมีต้นทุนสำหรับการทำธุรกรรมฯ โดยทำให้ผลตอบแทนของกองทุนโดยรวมลดลงจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
- กองทุนไทยและ/หรือกองทุนหลัก อาจลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน ทำให้กองทุนไทยและ/หรือกองทุนหลัก อาจมีความเสี่ยงมากกว่ากองทุนรวมทั่วไป จึงเหมาะสมกับผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูงและรับความเสี่ยงได้สูงกว่าผู้ลงทุนทั่วไป ผู้ลงทุนควรลงทุนในกองทุนรวมเมื่อมีความเข้าใจในความเสี่ยงของสัญญาฯ โดยคำนึงถึงประสบการณ์การลงทุน วัตถุประสงค์การลงทุน และฐานะการเงินของผู้ลงทุนเอง
- ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงราคา/ผลตอบแทนในอนาคต

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนกองทุนได้ที่
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
ชั้น 1-2 โซนเอ, 12, 18 อาคารเพลินจิตทาวเวอร์ เลขที่ 898 ถนนเพลินจิต เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
โทรศัพท์ 0 2657 5757 l โทรสาร 0 2657 5777
E-mail: krungsriasset.mktg@krungsri.com | Website: www.krungsriasset.com

 

เอกสารประกอบเปิดด้วยโปรแกรม Acrobat Reader หากท่านไม่มีโปรแกรมดังกล่าว คลิกเพื่อ ดาวน์โหลด โปรแกรม (ไม่มีค่าใช้จ่าย)

ย้อนกลับ

ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน