นายอาการ์วาลยังเชื่อว่าอนุทวีปอินเดียมีโอกาสการเติบโตที่สูงมากในอีก 10-15 ปี เพราะมีสัดส่วนในเศรษฐกิจโลกแค่ 4% แต่เป็นที่อยู่ของประชากรโลก 23% ในอนุทวีปนี้มีบริษัทให้ลงทุนมากมาย เช่น Healthcare Global ที่มีโรงพยาบาลรักษาโรคมะเร็งโดยเฉพาะถึง 25 แห่ง คาดว่าบริษัทนี้จะสร้างผลตอบแทนได้ 25-30% ในอีก 5-10 ปีข้างหน้าเพราะในแต่ละปี ประชากรอินเดียนับ 1.1 ล้านคนได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็ง ในเวลานี้ตลาดหลักทรัพย์บอมเบย์มีบริษัทจดทะเบียนสูงถึง 5,820 บริษัทซึ่งรวมบริษัทระดับโลกอย่าง คอลเกต เนสท์เล และยูนิลีเวอร์ ที่มีระบบการจัดการบริหารที่ดี นวัตกรรม และสินค้าที่มีผู้ใช้จำวนมาก
“ภูมิภาคนี้จะเติบโตต่อไปเนื่องจากมีการบริโภคสินค้าหลายอย่างเป็นจำนวนมากเช่น แชมพู สบู่ และรถยนต์ เทียบกับในตลาดเกิดใหม่อื่นๆ” เขากล่าวพร้อมกับคาดหวังว่าการลงทุนด้านสาธารณูปโภคโดยเฉพาะไฟฟ้าจะทำให้คนเปลี่ยนวิธีการหารายได้และการบริโภค โดย ณ เวลานี้ กองทุนมากกว่า 95% ลงทุนในบริษัทในประเทศอินเดีย และลงทุนที่เหลือในประเทศเพื่อนบ้านนั่นคือ ศรีลังกา ปากีสถาน และ บังกลาเทศ
แหล่งข้อมูล: First State Investments ณ 30 มิ.ย. 60
คำเตือน
1. เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯมิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือ และความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จาเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
2. กองทุนเปิดกรุงศรีอินเดียอิควิตี้ (KF-INDIA) มีนโยบายการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศชื่อ กองทุน First State Indian Subcontinent Fund (Class III USD) (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80.00 ของ NAV โดยกองทุนหลักมีนโยบายการลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนหรือซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่อยู่ในอนุทวีปอินเดีย ได้แก่ ประเทศอินเดีย ปากีสถาน ศรีลังกา และ บังกลาเทศ ดังนั้น กองทุนอาจมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และ/หรือการเมืองในประเทศซึ่งกองทุนหลักได้ลงทุน
3. กองทุนอาจทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินโดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทจัดการ ซึ่งอาจมีต้นทุนสำหรับการทำธุรกรรมฯ โดยทำให้ผลตอบแทนของกองทุนโดยรวมลดลงจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และในกรณีที่ไม่ได้ทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงฯ ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับ ผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
4. กองทุนไทยและ/หรือกองทุนหลัก อาจลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน ทำให้กองทุนไทยและ/หรือกองทุนหลักอาจมีความเสี่ยงมากกว่ากองทุนรวมทั่วไป จึงเหมาะสมกับผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูงและรับความเสี่ยงได้สูงกว่าผู้ลงทุนทั่วไป ผู้ลงทุนควรลงทุนในกองทุนรวมเมื่อมีความเข้าใจในความเสี่ยงของสัญญาฯ โดยคำนึงถึงประสบการณ์การลงทุน วัตถุประสงค์การลงทุน และฐานะการเงินของผู้ลงทุนเอง
5. กองทุนไทยและ/หรือกองทุนหลักอาจลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Non–Investment grade) หรือที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Unrated Securities) ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร ซึ่งส่งผลให้ผู้ลงทุนขาดทุนจากการลงทุนบางส่วนหรือทั้งจานวนได้ และในการขายคืนหน่วยลงทุนอาจไม่ได้รับเงินคืนตามที่ระบุไว้ในโครงการจัดการ
6. ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงราคา/ผลตอบแทนในอนาคต
7.บริษัทจัดการกองทุนอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) สำนักงาน ก.ล.ต. เป็นผู้อนุมัติการจัดตั้ง กองทุนเปิดกรุงศรีอินเดียอิควิตี้ (KF-INDIA) แต่ไม่ได้รับผิดชอบในการบริหารกองทุนและไม่ได้รับประกันราคาหน่วยลงทุนของกองทุน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนกองทุนได้ที่
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
ชั้น 1-2 โซนเอ, 12, 18 อาคารเพลินจิตทาวเวอร์ เลขที่ 898 ถนนเพลินจิต เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
โทรศัพท์ 0 2657 5757 l โทรสาร 0 2657 5777
E-mail: krungsriasset.mktg@krungsri.com | Website: www.krungsriasset.com