เมื่อ 18 พฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงศรี จำกัด (บลจ.กรุงศรี) และ กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟได้ร่วมกันจัดสัมมนาพิเศษในหัวข้อ “Discover the shining opportunity in Japan, the land of the rising sun” โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญการลงทุน ได้แก่ คุณเคนจิ โซเอะจิมะ (Mr. Kenji Soejima) จากทีมนักวิเคราะห์ของกองทุน MUFG Japan Equity Small Cap Fund, Mitsubishi UFJ Trust and Banking Corporation และคุณฉัตรแก้ว เกราะทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนทางเลือก บลจ.กรุงศรี มาร่วมอธิบายถึงสภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นและให้ข้อมูลเกี่ยวกับกองทุน MUFG ที่มีกลยุทธ์การลงทุนและแนวคิดอันโดดเด่นในการเฟ้นหาหุ้นขนาดกลางและเล็กเข้าพอร์ต จนทำให้สามารถเอาชนะตลาดได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้นักลงทุนไทยสามารถลงทุนได้อย่างมั่นใจ ผ่านกองทุนเปิดกรุงศรีเจแปนสมอลแคปอิควิตี้ (KF-JPSCAP) หรือกองทุนเปิดกรุงศรีเจแปนสมอลแคปอิควิตี้ปันผล (KF-JPSCAPD) ซึ่งบลจ.กรุงศรีเตรียมจะเสนอขายครั้งแรกในช่วง 24-31 พฤษภาคม นี้
คุณฉัตรแก้ว กล่าวว่า ขณะนี้เป็นเวลาเหมาะสมที่จะเข้าลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นเนื่องจากเศรษฐกิจมีแนวโน้มสดใสและทิศทางการฟื้นตัวต่อเนื่องชัดเจน อันเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ“Abenomics” ของนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ที่ดำเนินการตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา ส่งผลให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นแม้จะยังไม่เห็นชัดเจนนักในตอนนี้ แต่ก็มีปัจจัยสำคัญๆ ที่สนับสนุนความเชื่อมั่นดังกล่าว อาทิเช่น การใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่เพิ่มมากขึ้น การส่งออกที่ฟื้นตัวดีขึ้น สภาวะตลาดหุ้นเริ่มเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งนี้ นโยบายที่สำคัญของภาครัฐในการลดภาษีนิติบุคคลจาก 40% เหลือ 30% ทำให้ภาคธุรกิจจ่ายภาษีน้อยลง สามารถทำกำไรและเพิ่มผลตอบแทนให้พนักงานและผู้ถือหุ้นได้มากขึ้น ตลอดจนการเพิ่มการจ้างงานและปรับขึ้นค่าแรง ทำให้กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศเชื่อว่าการบริโภคภาคครัวเรือนจะเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจของญี่ปุ่นโดยคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 80%-100% ของ GDP
นอกจากนี้ การส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างจริงจังและการที่ญี่ปุ่นจะได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิกเกมส์ในปี 2563 จะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นเติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไป โดยคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นเป็น 40 ล้านคนในปี 2563 จาก 20 ล้านคนในปีที่ผ่านมา
จากภาพรวมของเศรษฐกิจในทิศทางดังกล่าวทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ให้น้ำหนักการลงทุนในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น บลจ. กรุงศรี จึงได้คัดเลือก MUFG Japan Equity Small Cap Fund กองทุนหุ้นชั้นนำที่มีชื่อเสียงมากในประเทศญี่ปุ่นมาเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการลงทุน โดยกองทุนนี้มีความโดดเด่นจากการเป็นกองทุนที่เชี่ยวชาญในการเฟ้นหาหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีศักยภาพเติบโตได้ในอนาคต และตลอดหลายปีที่ผ่านมา กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้เหนือกว่าดัชนีชี้วัดของตลาดได้อย่างต่อเนื่องโดยตลอด
ด้านคุณเคนจิ ตัวแทนนักวิเคราะห์ของกองทุนอธิบายว่า หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กเป็นหุ้นที่มีโอกาสในการเติบโตสูง มีผลตอบแทนที่น่าดึงดูดและมีช่องว่างและโอกาสในการลงทุนอยู่มาก เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่มักสนใจแต่หุ้นขนาดใหญ่ซึ่งมีเพียง 150 ตัวในตลาด แต่หุ้นขนาดกลางและเล็กในตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่มีอีกมากกว่า 3,000 บริษัท ซึ่งนับเป็น 95.7% ของตลาด ยังถูกมองข้ามทำให้เกิดเป็นโอกาสในการลงทุนในหุ้นขนาดเล็กของญี่ปุ่น คุณเคนจิกล่าวต่อว่า ในระยะยาวหุ้นขนาดเล็กมีโอกาสที่จะสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า ทั้งยังมีความผันผวนน้อยกว่าหุ้นขนาดใหญ่อีกด้วย อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้กองทุนทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมคือการที่มีผู้จัดการกองทุนคือ นายโยชิโร มิสุกามิ (Mr. Yoshiro Mizukami) ที่มีความเชี่ยวชาญสูงและประสบการณ์การลงทุนมายาวนานถึง 26 ปี พร้อมด้วยทีมนักวิเคราะห์ที่มีความใกล้ชิดกับตลาดสามารถทำความเข้าใจถึงโครงสร้างอุตสาหกรรม และลักษณะธุรกิจของแต่ละบริษัทมาทำงานร่วมกันด้วยแนวความคิดเดียวกันที่จะเฟ้นหาหุ้นที่สามารถเติบโตได้ในทุกสภาวะ อยู่ในช่วงของการเติบโตทางธุรกิจและมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ กองทุนยังมีกลยุทธ์การลงทุนที่แตกต่าง โดยมีแนวคิดและกระบวนการลงทุนที่เริ่มจากการกำหนด Theme หรือแนวคิดในการลงทุนที่น่าสนใจ โดยกองทุนจะคัดเลือกบริษัทที่มีความโดดเด่นในแต่ละ Theme การลงทุนและจะกระจายการลงทุนไปในภาคธุรกิจต่างๆ ที่มีแนวโน้มการเติบโตสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ โดย Theme การลงทุนที่น่าสนใจในภาวะปัจจุบัน ได้แก่ ภาคธุรกิจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานจากการมีประชากรสูงวัยเพิ่มมากขึ้น เช่น บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการสรรหาทรัพยากรบุคคล (Outsourcing) อาทิ บริษัท JAC Recruitment บริษัท Relia Inc ที่เชี่ยวชาญด้านการสรรหาทรัพยากรบุคคล ตลอดจนบริษัทที่ปรึกษาเกี่ยวกับการวางแผนสืบทอดกิจการและการควบรวมกิจการและภาคธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่สำคัญๆ เช่นอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่เน้นเกี่ยวกับระบบอิเล็คทรอนิกส์อัจฉริยะและเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย ซึ่งจากการวิเคราะห์แล้ว พบว่ามีบริษัทขนาดเล็กหลายแห่งที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและมีศักยภาพการเติบโตสูงได้ในอนาคต นอกจากนี้ กองทุนยังมองหาบริษัทที่เป็นผู้นำทางธุรกิจที่สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนโดยเฉพาะหุ้นในอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม ยา เครื่องสำอาง ที่มีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
ปัจจุบัน กองทุนมีหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กอยู่ในพอร์ตทั้งหมด 98 ตัว กระจายไปในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยกองทุนค่อนข้างให้น้ำหนักการลงทุนในภาคธุรกิจการบริการ เช่น การค้าปลีก กลุ่มการแพทย์ และธุรกิจที่ปรึกษาเฉพาะทางเป็นภาคธุรกิจที่กองทุนลงทุนถึง 27.3% แต่อย่างไรก็ตาม กองทุนจะถือหุ้นแต่ละตัวไม่เกิน 3% ของพอร์ตเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงและกระจายการลงทุนอย่างเหมาะสม
สำหรับผลการดำเนินงานที่ผ่านมา กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ย 33% นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี 2558 ซึ่งเหนือกว่าดัชนีชี้วัดของตลาดที่ทำได้ 18.4% และในปี 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นปีที่ท้าทายจากปัจจัยทั่วโลก เช่น Brexit หรือการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่ทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง กองทุนก็ยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 16% ขณะที่ตลาดสร้างผลตอบแทนได้เพียง 4.8% และล่าสุดตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันนี้ กองทุนสามารถทำผลตอบแทนได้ถึง 14% เหนือกว่าตลาดในกลุ่มหุ้นขนาดเล็กที่ทำได้ 7% และเหนือกว่าดัชนีชี้วัดของตลาดนิกเกอิที่ทำได้ 4%
ทั้งนี้ นักลงทุนที่สนใจลงทุนในหุ้นขนาดเล็กของญี่ปุ่น สามารถเลือกลงทุนผ่านกองทุน KF-JPSCAP และ KF-JPSCAPD ที่มีนโยบายมีปันผล โดย บลจ.กรุงศรีมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 90-95% ของทั้งพอร์ต เพื่อให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนอ้างอิงตามกองทุนหลักได้โดยตรงและลดความกังวลในเรื่องความเสี่ยงของอัตราแลกเปลียนจากการที่เงินเยนอ่อนค่าลงในขณะนี้อีกด้วย เสนอขายครั้งแรก 24-31 พฤษภาคม 2560 นี้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนกองทุนได้ที่
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
โทรศัพท์ 0 2657 5757 l โทรสาร 0 2657 5777
E-mail: krungsriasset.mktg@krungsri.com | Website: www.krungsriasset.com
คำเตือน
1.ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผล การดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนควร ขอคำแนะนาเพิ่มเติมก่อนทำการลงทุน
2.เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯมิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิเปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
3.กองทุนเปิดกรุงศรีเจแปนสมอลแคปอิควิตี้ (KF-JPSCAP) และ กองทุนเปิดกรุงศรีเจแปนสมอลแคปอิควิตี้ปันผล (KF-JPSCAPD) มีนโยบายการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศชื่อ กองทุน MUFG Japan Equity Small Cap Fund (Class I) ซึ่งมีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดเล็กที่เป็นบริษัทชั้นนำและมีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว และจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น ดังนั้น กองทุนอาจมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และ/หรือการเมืองในประเทศซึ่งกองทุนหลักได้ลงทุน
4.กองทุนอาจทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินโดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทจัดการ ซึ่งอาจมีต้นทุนสำหรับการทำธุรกรรมฯ โดยทำให้ผลตอบแทนของกองทุนโดยรวมลดลงจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และในกรณีที่ไม่ได้ทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงฯ ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงิน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
5.กองทุนไทยและ/หรือกองทุนหลักอาจลงทุนใน หรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน ทำให้กองทุนไทยและ/หรือกองทุนหลักอาจมีความเสี่ยงมากกว่ากองทุนรวมทั่วไป จึงเหมาะสมกับผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูงและรับความเสี่ยงได้สูงกว่าผู้ลงทุนทั่วไป ผู้ลงทุนควรลงทุนในกองทุนรวมเมื่อมีความเข้าใจในความเสี่ยงของสัญญาฯ โดยคำนึงถึงประสบการณ์การลงทุน วัตถุประสงค์การลงทุนและฐานะการเงินของผู้ลงทุนเอง
6.บริษัทจัดการกองทุนอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) สำนักงาน ก.ล.ต. เป็นผู้อนุมัติการจัดตั้งกองทุนเปิดกรุงศรีเจแปนสมอลแคปอิควิตี้ (KF-JPSCAP) และกองทุนเปิดกรุงศรีเจแปนสมอลแคปอิควิตี้ปันผล (KF-JPSCAPD) แต่ไม่ได้รับผิดชอบในการบริหารกองทุนและไม่ได้รับประกันราคาหน่วยลงทุนของกองทุน