บลจ.กรุงศรี จัดสัมมนา “Get ahead of the low rate. Win the race of investment”

30 กันยายน 2559
บลจ. กรุงศรี เสนอทางเลือกใหม่ให้นักลงทุนและโอกาสเพิ่มผลตอบแทนในยุคดอกเบี้ยต่ำกับการลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพสูงทั่วโลก เปิดตัวกองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลสมาร์ทอินคัม (KF-SINCOME) และกองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลคอลเล็คทีฟสมาร์ทอินคัม (KF-CSINCOM) 
 
คุณศิริพร สินาเจริญ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงศรี (จากรูป: ซ้ายสุด)   เป็นประธานในการเปิดงานสัมมนา “Get ahead of the low rate...  Win the race of investment” ที่ Access Place อาคารเพลินจิตทาวเวอร์ เสนอทางเลือกใหม่เพื่อการลงทุนในยุคดอกเบี้ยต่ำทั่วโลก ขณะที่เศรษฐกิจที่ยังไม่มีแนวโน้มการเติบโตที่ชัดเจน ชี้ตราสารหนี้ต่างประเทศคุณภาพดีเป็นทางเลือกใหม่ในการลงทุนเพื่อเพิ่มผลตอบแทนสำหรับผู้ที่ไม่ชอบความเสี่ยงสูง โดย บลจ.กรุงศรี ได้เชิญ Mr. Todd Alan Staley หัวหน้าที่ปรึกษาด้านการเงินและผู้อำนวยการอาวุโส ตัวแทนจาก PIMCO GIS Income Fund หนึ่งในกองทุนชั้นนำระดับโลกที่เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในตราสารหนี้มาให้ความรู้เกี่ยวกับตราสารหนี้ประเภทต่างๆ กลยุทธ์และวิธีการคัดเลือกสินทรัพย์คุณภาพสูง และการบริหารจัดการความเสี่ยง พร้อมด้วยคุณฉัตรแก้ว เกราะทอง  ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนทางเลือก บลจ.กรุงศรี มาร่วมอธิบายถึงเหตุผลในการการคัดเลือกกองทุน PIMCO GIS Income Fund มาเป็นกองทุนหลักที่นักลงทุนไทยสามารถลงทุนผ่านกองทุนเปิด KF-SINCOME และ KF-CSINCOM 
 
คุณฉัตรแก้ว กล่าวว่าเนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่อง อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำส่งผลให้ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำส่งผลให้ผลตอบแทนจากการลงทุนจึงน้อยไปด้วย ขณะที่การลงทุนในหุ้นก็อาจจะเสี่ยงมากเกินไป ตราสารหนี้จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่นักลงทุนไทยส่วนใหญ่คุ้นเคยแต่ตราสารหนี้ในประเทศที่มีอยู่ไม่กี่ประเภทซึ่งให้ผลตอบแทนไม่แตกต่างกันมากนัก ขณะที่ต่างประเทศมีตราสารหนี้หลากหลายประเภทมากกว่าเช่น ตราสารหนี้ประเภทสินทรัพย์จำนองบ้าน (mortgage backed securities bond) ตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชนต่างๆ ที่ให้ผลตอบแทนสูง (corporate high-yield bond) บลจ. กรุงศรีจึงมองหาทางเลือกใหม่และเล็งเห็นว่าตราสารหนี้ต่างประเทศสามารถทำผลตอบแทนได้ดีและสม่ำเสมอกว่า บลจ.จึงได้คัดเลือก PIMCO GIS Income Fund กองทุนตราสารหนี้คุณภาพที่มีประวัติผลการดำเนินงานดีระดับโลกมาเป็นทางเลือกใหม่สำหรับนักลงทุนไทย 
 
Mr. Todd กล่าวว่า กองทุน PIMCO GIS Income Fund มีเป้าหมายหลักในการบริหารกองทุนให้สามารถสร้างกระแสรายได้ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง และสร้างผลตอบแทนในระยะยาวจากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของสินทรัพย์ที่กองทุนเลือกลงทุน โดยกองทุนจะคัดสรรตราสารหนี้คุณภาพดีหลากหลายประเภทจากทั่วโลกมาไว้ในพอร์ตการลงทุน และกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์ประเภทต่างๆ กองทุนยังใช้หลักการบริหารแบบยืดหยุ่น โดยมีการปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางภาวะเศรษฐกิจเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับเงินลงทุน ภายใต้ความเสี่ยงต่ำ 

ผลการดำเนินงานที่พิสูจน์ได้ตลอดช่วงที่ภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลง
กองทุนหลักมีประวัติการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอตั้งแต่จัดตั้งกองทุน อีกทั้งยังสามารถรักษาระดับผลตอบแทนได้เป็นบวกในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยมีการเปลี่ยนแปลงเป็นขาขึ้น
แหล่งข้อมูล: ซ้าย - PIMCO ณ 31 ก.ค. 59.. วันจัดตั้งกองทุนคือ 30 พ.ย. 2555. ผลการดาเนินงานที่แสดงเป็นผลการดำเนินงานของ Share Class I (Inc) ซึ่งมีการจ่ายเงินปันผลรายเดือน ในขณะที่กองทุน KF-SINCOME และ KF-CSINCOM จะลงทุนใน Share class I (Acc) ซึ่งจะไม่มีการจ่ายเงินปันผล โดยทั้งสอง Share class มีทีมผู้จัดการกองทุนและกลยุทธ์การลงทุนเดียวกัน. ขวา - PIMCO ณ 30 มิ.ย. 59. ผลการดาเนินงานของกองทุนในแผนภาพได้ใช้ผลการดำเนินงานของ PIMCO Income Representative Account เป็นตัวแทนเพื่อแสดงให้เห็นว่ากลยุทธ์ของ PIMCO Income นั้นมีผลการดำเนินงานเป็นอย่างไรในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นภายใน 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงก่อนการตั้งกองทุน PIMCO GIS Income โดยบัญชีที่นามาแสดงนี้ถูกเลือกมาเพื่อจากมีลักษณะพอร์ตการลงทุนใกล้เคียงกันกับกองทุน PIMCO GIS Income Fund. ผลการดาเนินงานที่แสดงเป็นผลการดาเนินงานของกองทุนหลัก ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน คำเตือน : ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงราคา/ผลตอบแทนในอนาคต

Mr. Todd กล่าวเสริมว่า กลยุทธ์การลงทุนของกองทุน PIMCO เป็นแบบเชิงรุกและมีความยืดหยุ่น โดยผสมผสานการบริหารกองทุนแบบ Top-down คือวิเคราะห์จากบนลงล่าง และ Buttom-up วิเคราะห์จากล่างขึ้นบน สำหรับกลยุทธ์แบบ Top-down นั้น กองทุนจะมีการพบปะพูดคุยกับบุคคลสำคัญๆ ในแวดวงการเงินระดับโลก เพื่อวิเคราะห์และประเมินภาพรวมและทิศทางของเศรษฐกิจในเชิงมหภาค กลยุทธ์ดังกล่าวทำให้กองทุนสามารถปรับเปลี่ยนนโยบายการลงทุนได้อย่างเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจเพื่อสร้างกระแสรายได้ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการได้ผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในระยะยาว ส่วนกลยุทธ์แบบ Buttom-up นั้น คือการที่กองทุนมีทีมผู้จัดการกองทุนและทีมนักวิเคราะห์มากประสบการณ์กระจายอยู่ทั่วโลก ที่จะคอยเฟ้นหาตราสารหนี้คุณภาพดีที่สามารถให้ผลตอบแทนเมื่อปรับด้วยความเสี่ยงที่ดีกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญของ PIMCO เหล่านี้ จะใช้ประโยชน์จากการที่มีเครือข่ายทั่วโลก มีความเชี่ยวชาญและความรู้เฉพาะทางในการคัดเลือกสินทรัพย์ที่ดีเข้าพอร์ตการลงทุน
 
ปัจจุบันพอร์ตการลงทุนของ PIMCO GIS Income Fund มีการบริหารความเสี่ยงโดยกระจายการลงทุนไปในตราสารหนี้ทั้งหมด 11 ประเภท ผสมผสานระหว่างสินทรัพย์คุณภาพสูง เช่นพันธบัตรรัฐบาล และสินทรัพย์ที่มีระดับผลตอบแทนที่สูงกว่า นอกจากนี้ กองทุนยังมีการบริหารความเสี่ยงเรื่องอัตราดอกเบี้ยโดยลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท ทั้งตราสารหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวและตราสารหนี้ที่อยู่นอกประเทศสหรัฐอเมริกา โดย ณ วันที่ 31 สิงหาคม อายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ที่ลงทุนอยู่ที่ประมาณ 2.5 ปี เพื่อรักษาสถานะความเสี่ยงเรื่องของอัตราดอกเบี้ย และกองทุนสามารถที่จะปรับลดหรือเพิ่มสถานะความเสี่ยงเรื่องของอัตราดอกเบี้ยในกองทุนได้ด้วยระยะเวลา 0-8 ปี ปัจจุบัน กองทุนมีการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทสินเชื่อบ้านและที่อยู่อาศัย (housing market) ในสหรัฐอเมริกาที่อยู่ในช่วงกำลังฟื้นตัวจากเศรษฐกิจสหรัฐที่มีแนวโน้มดีขึ้น และมีการลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีในตลาดอื่นๆ อย่างออสเตรเลีย รวมทั้งตราสารหนี้ในตลาดเกิดใหม่ที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว 
(แหล่งข้อมูล: PIMCO ณ 31 ส.ค. 59 การกระจายการลงทุนวัดตาม Duration weight ดัชนีชี้วัดคือ Barclays US Aggregate Index คำเตือน: โปรดศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับกองทุน ผลการดำเนินงาน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ใช่ตัวบ่งชี้ถึงผลการดำเนินงานในอนาคต)
 
นอกจากนี้ กองทุน PIMCO GIS Income Fund ยังเป็นกองทุนระดับห้าดาวจากการจัดอันดับของ Morningstar (ที่มา: Morningstar rating จาก PIMCO ณ 31 ก.ค. 59) และนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนนอกประเทศสหรัฐในปี 2555 เป็นต้นมา สามารถทำผลตอบแทนที่ดีได้เฉลี่ยประมาณ 4% ต่อปี อีกทั้งยังมีผลตอบแทนจากสินทรัพย์ต่างๆ ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในระยะยาวอีกด้วย (แหล่งข้อมูล: PIMCO ณ 31 ส.ค. 59 | ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต)
 
นักลงทุนไทยที่สนใจสามารถลงทุนผ่านกองทุน KF-SINCOME และ KF-CSINCOM ของบลจ.กรุงศรี ซึ่งทั้งสองกองทุนมีนโยบายการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 สามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ มีนโยบายการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศชื่อ กองทุน PIMCO GIS Income Fund (Class I-Acc) ซึ่งมีการ กระจายการลงทุนไปในตราสารหนี้ประเภทต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วโลกอย่างน้อย 2 ใน 3 ของมูลค่าทรัพย์สิน  ทั้งสองกองทุนมีระดับความเสี่ยง 5 (เสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง)

ข้อแตกต่างระหว่างสองกองทุนนี้ คือ KF-SINCOME มีนโยบายซื้อคืนและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติไปยังกองทุนกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ปีละ 4 ครั้ง* จึงเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการมีกระแสเงินสด ส่วนกองทุน KF-CSINCOM จะนำผลตอบแทนกลับไปลงทุนต่อในกองทุน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสะสมการการเติบโตของผลตอบแทนไว้ในกองทุน บลจ.กรุงศรีเชื่อว่ากองทุนทางเลือกใหม่นี้จะทำให้นักลงทุนไทยลงทุนได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเสี่ยงมากเกินไป ทั้งยังมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝากอีกด้วย
 
*การจ่ายผลตอบแทนของกองทุน KF-SINCOME ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของกองทุนหลัก ซึ่งอาจมีโอกาสที่นักลงทุนจะไม่ได้รับผลตอบแทนในบางช่วงเวลา  
 
นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมหรือติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ 
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด โทร. 0 2657 5757
สาขาธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
ตัวแทนสนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน
หมายเหตุ: ธนาคารกรุงศรี จำกัด (มหาชน) ในฐานะตัวแทนจำหน่ายหน่วยลงทุนให้กับบลจ.กรุงศรี เท่านั้น
 
คำเตือน
1. ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต
2. เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูลแต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิเปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
3. กองทุน KF-SINCOME และ KF-CSINCOM อาจมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และ/หรือการเมืองในประเทศซึ่งกองทุนหลักได้ลงทุน  
4. กองทุนจะเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ณ ขณะใดขณะหนึ่งโดยไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งอาจมีต้นทุนสาหรับการทำธุรกรรมฯ ทำให้ผลตอบแทนของกองทุนโดยรวมลดลงจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
5. กองทุนไทยและ/หรือกองทุนหลักอาจลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน ทำให้กองทุนไทยและ/หรือกองทุนหลักอาจมีความเสี่ยงมากกว่ากองทุนรวมทั่วไป จึงเหมาะสมกับผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูงและรับความเสี่ยงได้สูงกว่าผู้ลงทุนทั่วไป ผู้ลงทุนควรลงทุนในกองทุนรวมเมื่อมีความเข้าใจในความเสี่ยงของสัญญาฯ โดยคำนึงถึงประสบการณ์การลงทุน วัตถุประสงค์การลงทุน และฐานะการเงินของผู้ลงทุนเอง
6. กองทุนไทยและ/หรือกองทุนหลักอาจลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ากว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Non–Investment grade) หรือที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Unrated Securities) ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากการผิดนัดชาระหนี้ของผู้ออกตราสาร ซึ่งส่งผลให้ผู้ลงทุนขาดทุนจากการลงทุนบางส่วนหรือทั้งจานวนได้ และในการขายคืนหน่วยลงทุนอาจไม่ได้รับเงินคืนตามที่ระบุไว้ในโครงการจัดการ

เอกสารประกอบเปิดด้วยโปรแกรม Acrobat Reader หากท่านไม่มีโปรแกรมดังกล่าว คลิกเพื่อ ดาวน์โหลด โปรแกรม (ไม่มีค่าใช้จ่าย)

ย้อนกลับ

ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน