สัมมนา Power of Dynamic Investing with Strategic Flexibility




บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงศรี จำกัด
(บลจ.กรุงศรี) จัดสัมมนาพิเศษในหัวข้อ “Power of Dynamic Investing with Strategic Flexibility” เชิญผู้เชี่ยวชาญการลงทุนจากกองทุน Allianz Global Investors พร้อมผู้บริหารจาก บลจ.กรุงศรี ร่วมให้ข้อมูลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจโลกและสภาวะการลงทุน พร้อมแนะนำ 2 กองทุนใหม่ KFGDB และ KFGDA ตอบโจทย์นักลงทุนที่มองหาโอกาสลงทุนท่ามกลางตลาดที่ยังผันผวน ด้วยกลยุทธ์กระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ พร้อมปรับพอร์ตตามจังหวะตลาดเพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า ชูจุดเด่นเน้นคัดสินทรัพย์สร้างความยั่งยืน เพื่อให้นักลงทุนก้าวข้ามปัจจัยเสี่ยงต่างๆ และยังคงมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่น่าพอใจ โดย บลจ.กรุงศรี จะเสนอขายทั้งสองกองทุนระหว่างวันที่ 19 - 25 กันยายน นี้

ในงานสัมมนา คุณเกียรติศักดิ์ ปรีชาอนุสรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนทางเลือก บลจ.กรุงศรี กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกยังคงมีทิศทางที่ไม่แน่นอนและกำลังเข้าสู่ภาวะดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มขาลงจาก 5.5% เป็น 3% ซึ่งจะทำให้ภาพรวมการลงทุนเกิดภาวะแบบ 3R คือ Recession, Rate Cut หรือ Rotation
  • ภาวะเศรษฐกิจถดถอยมีโอกาสเป็นไปได้เพียง 20 - 30% เพราะตัวเลขบ่งชี้ต่างๆ ยังไม่ชัดเจน
  • สำหรับการลดดอกเบี้ย (Rate cut) มีความเป็นไปได้สูงซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นและตราสารหนี้ ปกติแล้วหลังจากการลดดอกเบี้ย 1 - 2 ปีผลตอบแทนในตลาดหุ้น S&P จะขึ้นสูง 50 - 70 % แต่ขึ้นกับว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่2
  • การ Rotation เริ่มเกิดขึ้นแล้วตั้งแต่หลัง 11 กรกฎาคมเป็นต้นมา ซึ่งภาวะเงินเฟ้อลดลงอย่างชัดเจน ทำให้ตราสารหนี้โลกเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น ทองคำและกอง REITs ก็ปรับตัวดีขึ้นมีผลตอบแทนเป็นบวกมากกว่า 10% ขึ้นไป ขณะที่หุ้น 7 นางฟ้าในกลุ่มเทคโนโลยี ก็คาดการณ์ว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้น การปรับตัวเพิ่มขึ้นของผลตอบแทนในตลาดหุ้น S&P 500 เป็นการขึ้นในสินทรัพย์ทั่วทุกประเภท3
  • ปัจจัยเรื่องการเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกายังคงส่งผลกระทบต่อการลงทุนทำให้ตลาดมีความผันผวนไปจนกว่าจะมีการประกาศผลการเลือกตั้ง จึงจะเห็นความชัดเจนมากขึ้น
ที่มา: 1Goldman Sachs Global Investment Research, Bloomberg ณ 17 ส.ค. 67 | 2Bloomberg, BofAS, Kiatnakin Phatra Securities ณ 2 ก.ย. 67 | 3Bloomberg ณ 9 ก.ย. 67

ที่มา: FirstCall, I/B/E/S, FactSet, and Goldman Sachs Global Investment Research ณ 6 ก.ย. 67 และ Goldman Sachs Global Investment Research ณ 28 ส.ค. 67

ดังนั้น แนวทางการลงทุนที่เหมาะสมกับสภาวะตลาดที่ไม่แน่นอนในขณะนี้ จึงควรกระจายความเสี่ยงไปในสินทรัพย์หลากหลายประเภทแบบ multi-asset allocation พร้อมจับจังหวะและดูสัญญาณตลาดของแต่ละสินทรัพย์ เพื่อปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนอย่างรวดเร็ว ทันท่วงที เป็นกลยุทธ์การลงทุนเพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยมีการจำกัดความเสี่ยงควบคู่กันไปด้วย
บลจ.กรุงศรี เล็งเห็นว่า Allianz Global Investors เป็นผู้จัดการกองทุนที่บริหารจัดการกองทุนภายใต้แนวความคิดดังกล่าวได้อย่างโดดเด่น ทำผลตอบแทนเป็นอันดับต้นๆ จากบรรดากองทุน multi asset ทั้งหมดทั่วโลก ผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปีที่ผ่านมาดีกว่าตลาดมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังสามารถควบคุมความเสี่ยงให้ต่ำกว่าตลาดได้อย่างสม่ำเสมอ ด้วยวิธีการลงทุน การคัดเลือกสินทรัพย์และมีการบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีความเฉพาะตัว บลจ.กรุงศรี จึงได้คัดสรรมาเป็นกองทุนหลักให้เป็นทางเลือกใหม่สำหรับนักลงทุน ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลไดนามิคบาลานซ์อโลเคชั่นเอสอาร์ไอ (KFGDB) ซึ่งลงทุนในกองทุนหลักคือ Allianz Dynamic Multi Asset Strategy SRI 50  และกองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลไดนามิคแอกเกรสซีฟอโลเคชั่นเอสอาร์ไอ (KFGDA) ซึ่งลงทุนในกองทุนหลักคือ Allianz Dynamic Multi Asset Strategy SRI 75 โดยทั้งสองกองทุนมีการลงทุนที่เน้นสินทรัพย์ที่มีปัจจัยด้านความยั่งยืนเข้าไว้ในพอร์ตของกองทุน ซึ่งแม้ทั้งสองกองทุนจะเน้นใช้กลยุทธ์การลงทุนเชิงรุก แต่มีความต่างในเรื่องการจัดสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับความสามารถในการรับความเสี่ยงของนักลงทุน 
  • KFGDB พอร์ตการลงทุนมีระดับความผันผวนใกล้เคียงกับการลงทุนในตราสารหนี้ 50% และหุ้น 50% โดยมีเป้าหมายค่าความผันผวนอยู่ในช่วง 6% ถึง 12% 
  • KFGDA พอร์ตการลงทุนมีระดับความผันผวนใกล้เคียงกับการลงทุนในตราสารหนี้ 25% และหุ้น 75% โดยมีเป้าหมายค่าความผันผวนอยู่ในช่วง 10% ถึง 16% 
โดยทั้งสองกองทุน อาจจะมีการลงทุนในตราสารอนุพันธ์ (Derivatives) ETF หรือฟิวเจอร์สร่วมด้วย เพื่อช่วยเรื่องการปรับพอร์ต   
ที่มา: Allianz Global Investors ณ พ.ค. 67 | ไม่มีการรับประกันผลตอบแทนของกลยุทธ์การลงทุนนี้ โดยกลยุทธ์การลงทุนอาจมีโอกาสขาดทุนได้ | ทีมผู้จัดการกองทุนจะมีการทบทวนสัดส่วนการลงทุนและระดับความผันผวนคาดการณ์เป็นรายปี | *สัดส่วนการลงทุนในหุ้นของกองทุน Allianz Dynamic Multi Asset Strategy SRI 75 อาจเพิ่มได้สูงสุดถึง 125% โดยการใช้ตราสารอนุพันธ์ | ผลการดำเนินงานที่แสดงเป็นผลการดำเนินงานของกองทุนหลัก ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานการวัดผลการดำเนินงานของกองทุนรวมของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน

ด้านคุณ Michelle Lueng ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนจาก Allianz Global Investors กล่าวถึงจุดเด่นของกองทุนหลักว่าอยู่ที่ กลยุทธ์ในการบริหารการลงทุนแบบเชิงรุก กระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ มีความยืดหยุ่นสูงปรับเปลี่ยนพอร์ตได้อย่างว่องไวในแต่ละช่วงเวลา และอีกประการหนึ่งคือ การให้ความสำคัญกับความยั่งยืนเป็นหลักเกณฑ์การพิจารณา สินทรัพย์ที่เลือกเข้ามาในพอร์ตการลงทุนจะต้องมีคะแนนด้าน Sustainable and Responsible Investing (SRI) หรือการจัดการความยั่งยืน รวมทั้งเรื่องของการจัดการกับความเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศในระดับที่สูง เพื่อให้กองทุนมีสินทรัพย์ที่อยู่ในระดับ Best in Class

ที่มา: Allianz Global Investors ณ เม.ย. 66 | ข้อมูลเพื่อประกอบการอธิบายเท่านั้น โดยไม่ได้เป็นการรับประกันว่ากลยุทธ์และกระบวนการลงทุนจะมีประสิทธิภาพในทุกสภาวะตลาด

ปัจจัยที่ทำให้กองทุนนี้มีความโดดเด่นกว่ากองทุนประเภท multi-asset อื่นๆ มาจากวิธีการลงทุนของกองทุนซึ่งมี 3 หลักการสำคัญ ได้แก่ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานที่จะผสมการพิจารณาเรื่องของ SRI และเรื่องของความโปร่งใสเข้าไปในหลักเกณฑ์การคัดเลือกสินทรัพย์ แต่สิ่งที่ทำให้กองนี้มีความแตกต่างเป็นพิเศษคือ การใช้ Quantitative Model ในการวิเคราะห์จับสัญญาณตลาด โดยเฉพาะสินทรัพย์ 4 ประเภทได้แก่ หุ้นโลก ตราสารหนี้ภาครัฐ ตราสารหนี้ภาคเอกชน และสินค้าโภคภัณฑ์ วิธีการนี้ทำให้เห็นทิศทางและแนวโน้มของสินทรัพย์แต่ละประเภทก่อนล่วงหน้า ทำให้ตัดสินใจได้ว่าจะปรับพอร์ตอย่างไรให้เหมาะสมกับสถานการณ์การลงทุน รวมทั้งระยะเวลาที่เหมาะสมในการลงทุน กล่าวคือ ถ้าตลาดอยู่ในสภาวะที่มีความเสี่ยงมาก กองทุนก็จะลดการลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงสูงทันที กลยุทธ์นี้ใช้ได้ผลมาแล้วในหลายช่วงที่ผ่านมาเช่นระหว่างที่โควิดแพร่ระบาด ซึ่งกองทุนลดน้ำหนักในสินทรัพย์อย่างทันท่วงที และเมื่อตลาดมีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้นก็จะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มดีอย่างเต็มที่ การปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนอย่างรวดเร็วทันท่วงที ทำให้กองทุนสามารถรักษาระดับผลตอบแทนได้เป็นอย่างดี และอีกปัจจัยคือ การบริหารจัดการความเสี่ยงแบบเชิงรุก (Active Risk Management) มีการปรับเปลี่ยนค่าความเสี่ยงของกองทุนให้เป็นไปตามสภาวะตลาด ด้วยกลยุทธ์ทั้งหมดนี้ ทำให้ในปัจจุบัน กองทุนมีการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้น ทองคำ REITs รวมทั้งสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งมาจากแนวโน้มของตลาดที่กำลังมีทิศทางที่ดีขึ้น

ที่มา: Allianz Global Investors ณ ปี 2567 | ข้อมูลเพื่อประกอบการอธิบายเท่านั้น โดยไม่ได้เป็นการรับประกันว่ากลยุทธ์และกระบวนการลงทุนจะมีประสิทธิภาพในทุกสภาวะตลาด

ในบางช่วงเวลาที่ตลาดขึ้นเยอะๆ กองทุน KFGDA อาจจะให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นมากกว่า 100% แต่จะไม่เกิน 125% แต่กองทุนจะพยายามควบคุมค่าความผันผวนให้อยู่ในระดับต่ำกว่าตลาด ทั้งยังคงสัดส่วนการลงอีก 25% ในตราสารหนี้เพื่อจัดการความเสี่ยง
ที่มา: Allianz Global Investors, IDS GmbH ณ 30 มิ.ย. 67 • ข้อมูลเพื่อประกอบการอธิบายเท่านั้น และไม่สามารถใช้อ้างอิงถึงพอร์ตการลงทุนในอนาคต รวมถึงไม่ควรนาไปใช้เป็นคาแนะนาในการซื้อขายหลักทรัพย์หรือคาแนะนาการลงทุน

คุณเกียรติศักดิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุนหลักมีผลการดำเนินงานโดดเด่น อยู่ในอันดับท็อปของกองทุน multi assets ทั่วโลก
ที่มา: Citiwire.com ข้อมูล ณ 31 ก.ค. 67 | ผลการดำเนินงานที่แสดงเป็นผลการดำเนินงานของกองทุนหลัก ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานการวัดผลการดำเนินงานของกองทุนรวมของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน

ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 5 ปีนั้น ให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูงอย่างสม่ำเสมอ ขณะที่สามารถรักษาระดับความผันผวนไว้ได้ในระดับใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ 10% ซึ่งเป็นค่าความเสี่ยงที่ต่ำกว่าตลาด หรือการลงทุนด้วยตัวเอง
ที่มา: Allianz Global Investors ณ 30 มิ.ย. 67 | ผลตอบแทนที่แสดงอ้างอิงจากราคา NAV หลังหักค่าธรรมเนียม และไม่รวมค่าธรรมเนียมการซื้อและขายคืน โดยนำเงินปันผลรวมคำนวณกลับในราคา | ผลการดำเนินงานที่แสดงเป็นผลการดำเนินงานของกองทุนหลัก ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานการวัดผลการดำเนินงานของกองทุนรวมของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน

ด้านการควบคุมความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนของกองทุนนั้น บลจ.กรุงศร เลือกลงทุนในกองทุนหลักที่มีสกุลเงินยูโรเนื่องจากมีต้นทุนในการป้องกันความเสี่ยงเรื่องค่าเงินต่ำกว่ากองทุนที่เป็นสกุลเงินดอลลาร์ประมาณ 1% ซึ่งจะเหมาะกับภาวะปัจจุบันซึ่งค่าเงินบาทแข็งค่า  และเนื่องจากค่าความเหวี่ยงระหว่างบาทกับยูโรน้อยกว่าระหว่างบาทกับดอลลาร์สหรัฐ ทำให้มีต้นทุนด้านอัตราแลกเปลี่ยนที่ต่ำกว่า
บลจ.กรุงศรี มีกำหนดเสนอขาย (IPO) กองทุน KFGDB และ KFGDA ระหว่างวันที่ 19 - 25 กันยายน นี้  นักลงทุนที่สนใจ สามารถซื้อหน่วยลงทุนได้ทุกช่องทาง ทั้ง @ccess Online หรือ @ccess Mobile Application กองทุนลงทุนขั้นต่ำ 500 บาท

ข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม คลิก

นโยบายและคำเตือนกองทุน
  • KFGDB ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศชื่อ Allianz Dynamic Multi Asset Strategy SRI 50, Class P (EUR) (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี > 80% ของ NAV
  • KFGDA ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศชื่อ Allianz Dynamic Multi Asset Strategy SRI 75, Class P (EUR) (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี > 80% ของ NAV
  • กองทุนหลักลงทุนในทรัพย์สินหลากหลายประเภท โดยมุ่งเน้นการลงทุนในตราสารทุน ตราสารหนี้ และตราสารในตลาดเงินทั่วโลก เพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะปานกลางที่ใกล้เคียงกับพอร์ตการลงทุนตามกลยุทธ์การลงทุนเพื่อความยั่งยืน (SRI Strategy)
  • กองทุนมีระดับความเสี่ยง 6: เสี่ยงสูง | ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน จึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ 
  • เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือ และความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
  • ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนกองทุนได้ที่
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด | โทร. 0 2657 5757

ข้อมูล KFGDB-A คลิก

ข้อมูล KFGDA-A คลิก

ย้อนกลับ

@ccess Mobile Application

ทำรายการกองทุนสะดวกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว