Login@ccess
LoginEm@ccess
TH
EN
เกี่ยวกับบลจ.กรุงศรี
ข่าว/ประกาศกองทุน
สรุปภาวะตลาด
วางแผนการลงทุน
ติดต่อเรา
การทำรายการซื้อ-ขาย
เมนูหลัก
ค้นหา
Home
เข้าสู่ระบบ
@ccess online
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD)
Seminar Booking
กองทุนรวม
หน้าหลักกองทุนรวม
กองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารตลาดเงิน
กองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้
กองทุนผสม
กองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้น
กองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ
กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF)
กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF)
กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG)
กองทุนกรุงศรี 2TM
กองทุนอสังหาริมทรัพย์
กองทุนที่ลงทุนในทรัพย์สินทางเลือก
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
เกี่ยวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
Employee’s choice
ตารางวันคำนวณจำนวนหน่วย
แบบประเมินความเสี่ยง
ติดต่อกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
จุดเด่นของ บลจ.กรุงศรี
มูลค่าหน่วยลงทุน
ผลการดำเนินงานกองทุนรวม
Krungsri @ccess Mobile App
ลงทุนกองทุนกรุงศรี
สะดวกกว่านี้ ไม่มีอีกแล้ว
ดูเพิ่มเติม
ราคาหน่วยลงทุนย้อนหลัง
ผลการดำเนินงานย้อนหลัง
Quicklink
ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม
สมัครบริการ @ccess online
กองทุนรวม
เปิดบัญชีและทำรายการ
ทดสอบระดับความเสี่ยง
หนังสือรับรองฯ SSF/ RMF/ Thai ESG/ LTF/ หักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิฯ)
แจ้งความประสงค์ใช้สิทธิภาษี SSF/ RMF/ Thai ESG
แจ้งใช้สิทธิ์ภาษีกับ Easy E-Receipt
ค้นหา
หน้าหลัก
>
วางแผนการลงทุน
>
เรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุน
>
กลยุทธ์ลงทุนหุ้นสหรัฐ เพื่อโอกาสเติบโตที่เหนือกว่า
Quicklink
ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม
สมัครบริการ @ccess online
กองทุนรวม
เปิดบัญชีและทำรายการ
ทดสอบระดับความเสี่ยง
หนังสือรับรองฯ SSF/ RMF/ Thai ESG/ LTF/ หักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิฯ)
แจ้งความประสงค์ใช้สิทธิภาษี SSF/ RMF/ Thai ESG
แจ้งใช้สิทธิ์ภาษีกับ Easy E-Receipt
เข้าสู่ระบบ
@ccess online
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD)
กลยุทธ์ลงทุนหุ้นสหรัฐ เพื่อโอกาสเติบโตที่เหนือกว่า
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงศรี จำกัด (บลจ.กรุงศรี) ร่วมกับ J.P. Morgan Asset Management
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนชั้นนำระดับโลก จัดงานสัมมนาพิเศษในหัวข้อ
“Bridging the Gap: Passive Stability with Active Opportunity” แนะนำกองทุนใหม่
“KF-US-PLUS”
(IPO 4 – 10 ก.พ. 68)
โดยกองทุนนี้สามารถใช้เป็นพอร์ตหลักสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ รับอานิสงส์จากนโยบายการค้าของ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะช่วยให้ภาคธุรกิจและหุ้นในดัชนี S&P 500 มีโอกาสเติบโตได้ในระยะกลางถึงยาว พร้อมด้วยกลยุทธ์การลงทุนเชิงรุกที่แตกต่างของ
กองทุนหลัก JPMorgan Funds - US Select Equity Plus Fund
ภายใต้การบริหารของ J.P. Morgan Asset Management ซึ่งมีจุดเด่นเรื่องการคัดเลือกหุ้นรายตัว เพิ่มด้วยโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการผสมผสานกลยุทธ์ Long และ Short ในแต่ละช่วงเวลา บนเป้าหมายการรักษาความผันผวนให้ใกล้เคียงตลาด แต่ยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนเหนือดัชนี โดยกองทุนดังกล่าวมีประวัติผลตอบแทนอยู่เป็นอันดับต้นๆ ของกองทุนประเภท Active Fund ในตลาดหุ้นสหรัฐมาอย่างต่อเนื่อง
คุณเกียรติศักดิ์ ปรีชาอนุสรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการกองทุนทางเลือก บลจ.กรุงศรี
กล่าวถึง
จุดเด่นของกองทุน KF-US-PLUS ว่า เป็นกองทุนแบบ Active ที่มีประวัติการสร้างผลตอบแทนระยะยาวสูงกว่าดัชนี S&P 500 แต่มีความผันผวนใกล้เคียงกันเหมือนกองแบบ Passive
ด้วยกลยุทธ์ที่สามารถปรับ Position การลงทุนในแต่ละอุตสาหกรรมให้เหมาะสมสอดคล้องกับสภาวะตลาดหากพิจารณาทั้งโอกาสและความเสี่ยงของหุ้นแต่ละตัวในแต่ละช่วงเวลา
คุณเกียรติศักดิ์กล่าวถึงตลาดหุ้นของสหรัฐภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ว่า
มีโอกาสเติบโตได้ต่อไปเหมือนในครั้งที่แล้วที่ทรัมป์เข้ามาเป็นประธานาธิบดี และมีการคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะให้ผลตอบแทนที่ดี โดยมีปัจจัยที่จะสนับสนุนการเติบโต
ได้แก่ นโยบายที่ส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมแม้จะมีนโยบายกีดกันทางการค้าและขึ้นกำแพงภาษี ที่ทำให้เกิดสงครามทางการค้าและทำให้ตลาดผันผวนทั่วโลกในขณะนี้ แต่จะส่งผลกระทบเพียงระยะสั้นโดยการมีนโยบายผ่อนคลายด้านการเงินและส่งเสริมอุตสาหกรรมต่างๆ จะช่วยให้ภาคธุรกิจมีต้นทุนที่ถูกลงมีการย้ายฐานการผลิตกลับเข้าในประเทศ เพื่อลดต้นทุนการผลิตและโอกาสรับผลประกอบการที่ดีขึ้น ภาพรวมของตลาดจึงมีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้น ขณะที่โอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยมีน้อยมาก เพียง 15 - 20%* ส่วนภาวะเงินเฟ้อสหรัฐอาจจะได้รับผลกระทบจากนโยบายทรัมป์ ส่งผลให้เกิดเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอีกเพียง 0.5 - 1.0%** และเป็นแบบ one-time
(*ที่มา: Bloomberg, 29 ม.ค. 68 | **Goldman Sachs Global Investment Research 26 ม.ค. 68)
ด้าน
คุณ Christian Mariani ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนจาก J.P. Morgan Asset Management, US Equity Group กล่าวถึง กองทุนหลัก JPMorgan Funds - US Select Equity Plus Fund ว่าเป็นกองทุนรวมตราสารทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นสหรัฐอเมริกา โดยมีนโยบายการลงทุนเชิงรุก (Active) ที่มุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวสูงกว่าดัชนี S&P 500 โดยกองทุนจะมีความโดดเด่นที่แตกต่างจากกองทุนอื่น
โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักๆ ได้แก่ การมีทีมนักวิเคราะห์มากประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญในแต่ละอุตสาหกรรมมากกว่า 20 ปี ซึ่งสามารถวิเคราะห์และคัดเลือกหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโต โดยเน้นลงทุนในบริษัทที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีความได้เปรียบในการแข่งขัน และมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในแต่ละอุตสาหกรรม ตลอดจนสามารถคาดการณ์ถึงโอกาสและความเสี่ยงของหุ้นแต่ละตัวในแต่ละช่วงเวลาได้เป็นอย่างดี จึงสามารถนำข้อมูลมาใช้ในการสร้าง Alpha หรือเพิ่มโอกาสในการเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน โดยสัดส่วนหลักของพอร์ตการลงทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นที่ผู้จัดการกองทุนเชื่อมั่นลักษณะเดียวกับกองทุนหุ้นทั่วไป
แต่ยังมีกลยุทธ์การลงทุนส่วนเพิ่มโดยการเปิด Long Position เมื่อเห็นว่าหุ้นมีโอกาสเติบโตในระยะยาว และ Short Position เมื่อเห็นว่าหุ้นตัวใดมีแนวโน้มการเติบโตลดลง ด้วยกลยุทธ์ดังกล่าวทำให้กองทุนสามารถอาศัยประโยชน์จากการมีข้อมูลเชิงลึกในแต่ละหลักทรัพย์ได้อย่างเต็มที่ซึ่งสามารถช่วยสร้างโอกาสรับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นได้
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในส่วน Long-Short Portfolio นั้น ผู้จัดการกองทุนจะเน้นการคัดเลือกหลักทรัพย์รายตัวภายในอุตสาหกรรมเดียวกัน ตัวอย่างเช่น ในกลุ่มสื่อ
ผู้จัดการกองทุนมีมุมมองเชิงบวกต่อสื่อสมัยใหม่ อย่าง Netflix, Amazon หรือ Walt Disney แต่มีมุมมองเชิงลบต่อหุ้นสื่อแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ ผู้จัดการกองทุนอาจพิจารณาจากแนวโน้มการเติบโตเชิงโครงสร้าง เช่น หุ้นอย่าง Intel ผู้ผลิตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่มีแนวโน้มเติบโตลดลง หรือในช่วงการแพร่ระบาดของโควิดที่ผ่านมาที่ทำให้หุ้น Moderna พุ่งขึ้นมาอย่างมากแต่มีแนวโน้มลดลงเมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลายลง ก็จะทำการ Short แล้วนำเงินมาเพิ่มน้ำหนักในหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโต กลยุทธ์นี้ทำให้กองทุนสามารถมีผลการดำเนินงานชนะตลาดมาได้อย่างสม่ำเสมอ
หมายเหตุ: ข้อมูลข้างต้นเป็นตัวอย่างเพื่อประกอบการอธิบายเท่านั้น โดยไม่ได้หมายความถึงสัดส่วนการลงทุนจริงของกองทุน
ที่มา: J.P. Morgan Asset Management หมายเหตุ: ข้อมูลข้างต้นเป็นตัวอย่างเพื่อประกอบการอธิบายเท่านั้น
ในปัจจุบัน กองทุนถือหุ้นอยู่ประมาณ 260 บริษัท กระจายไปในทุกอุตสาหกรรม
สำหรับหุ้น 5 อันดับแรกในพอร์ตของกองทุนที่มีน้ำหนักมากกว่าตลาดในปัจจุบันได้แก่ Mastercard, Hownet Aerospace, Wells Fargo, Amazon และ Lowe’s ซึ่งล้วนเป็นธุรกิจที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง
กระแสเงินสดดีและมีแนวโน้มการเติบโตสูง ส่วนหุ้นที่อยู่ใน Short Position มากที่สุด 5 อันดับแรก จะเป็นหุ้นในกลุ่มเซมิคอนดัคเตอร์ สื่อและร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมที่ปรับตัวไม่ทันกับโลกยุคดิจิทัล
ที่มา: Wilshire J.P. Morgan Asset Management ณ 31 ธ.ค. 67 | 1 – น้ำหนักเปรียบเทียบกับดัชนี S&P 500 Index | 2 อ้างอิงตามการจัดหมวดหมู่กลุ่มอุตสาหกรรมของหุ้น พอร์ตการลงทุนอาจมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงเวลา | 3 - คำนวณจากการสัดส่วนรวมในหุ้น Alphabet ทั้งสองประเภทที่อยู่ในดัชนี S&P 500 Index
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา กองทุนมีผลตอบแทนเฉลี่ยเมื่อเทียบกับดัชนี S&P 500 มากกว่าถึง 3.25% แต่มีความผันผวนต่ำกว่ากอง Active fund อื่นๆ ที่มีความเสี่ยงสูงและผลตอบแทนต่ำกว่าดัชนี
ทั้งนี้ ด้วยกลยุทธ์ Short Position ในหุ้นที่มีแนวโน้มการเติบโตลดลง และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ทำให้แก้ปัญหาที่กองทุนส่วนใหญ่มีอัตราผลตอบแทนต่ำกว่าดัชนี ท่ามกลางความเสี่ยงที่สูงกว่า
ที่มา: J.P. Morgan Asset Management ณ 31 ธ.ค. 67 โดยเป็นข้อมูลผลการดำเนินงานเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี • ผลการดำเนินงานที่แสดงเป็นผลการดำเนินงานของกองทุนหลัก ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานการวัดผลการดำเนินงานของกองทุนรวมของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน • ผลการดำเนินงานที่แสดงเป็นของหน่วยลงทุนชนิด C (acc) USD ในขณะที่กองทุน KF-US-PLUS จะลงทุนในหน่วยลงทุนชนิด I (acc) USD ซึ่งมีนโยบายการลงทุนเหมือนกัน • ผลการดำเนินงานที่แสดงคำนวณจากราคา NAV โดยนำเงินปันผล (ก่อนหักภาษี) กลับมาลงทุนต่อ ซึ่งรวมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง แต่ไม่รวมค่าธรรมเนียมการซื้อขาย • การจัดอันดับดังกล่าวไม่มีความเกี่ยวข้องกับการจัดอันดับของสมาคมบริษัทจัดการลงทุนแต่อย่างใด
ท้ายที่สุดนี้ J.P. Morgan Asset Management และ บลจ.กรุงศรี มีความเชื่อมั่นว่าตลาดหุ้นสหรัฐในยุคประธานาธิบดีทรัมป์ จะมีโอกาสเติบโตได้ต่อเนื่องต่อไปแม้ว่าราคาหุ้นจะขึ้นมามากแล้วและตลาดยังมีความผันผวน
คาดการณ์ว่ากองทุนจะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในปีนี้จากการที่อัตราดอกเบี้ยลดลง ทำให้สามารถซื้อหุ้นคุณภาพได้เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น กองทุนนี้จะช่วยเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถลงทุนในหุ้นสหรัฐได้แบบเต็มที่โดยไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงในการลงทุนในหุ้นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมากเกินไปนัก
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถซื้อกองทุน KF-US-PLUS ได้ทุกช่องทางทั้งออนไลน์ (Access Mobile หรือ @ccess Online) และที่สำนักงาน (บลจ.กรุงศรี/ สาขาธนาคารกรุงศรี/ ตัวแทนสนับสนุนการขาย)
โดยกองทุนมีกำหนด IPO ระหว่าง 4 – 10 ก.พ. 68 (
หลัง IPO ซื้อได้ 18 ก.พ. 68 เป็นต้นไป
)
ลงทุนขั้นต่ำเพียง 500 บาท
(หน่วยลงทุนชนิด I ไม่มีขั้นต่ำ)
คำเตือน/นโยบายการลงทุน
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
KF-US-PLUS ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน จึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือ และ ความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนกองทุนได้ที่
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด โทร. 0 2657 5757
ข้อมูล/แนะนำกองทุน KF-US-PLUS คลิก
ย้อนกลับ
วางแผนการลงทุน
เริ่มต้นการลงทุน
เรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุน
วางแผนเพื่อลดหย่อนภาษี
แบบทดสอบระดับความเสี่ยง
คำนวณเงินลงทุนใน RMF
คำนวณเงินลงทุนใน Thai ESG
@ccess Mobile Application
ทำรายการกองทุนสะดวกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
เลือกกองทุนที่คุณสนใจ
-
คุกกี้
เว็บไซต์ของบริษัทมีการจัดเก็บข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบคุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้นให้แก่คุณ รวมถึงนำเสนอเนื้อหา และประชาสัมพันธ์สิทธิประโยชน์ที่ตรงกับความต้องการ การกดปุ่ม
“ตกลงทั้งหมด”
จะช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์เต็มรูปแบบในการใช้งานเว็บไซต์ของบริษัท ทั้งนี้ คุณสามารถกำหนดการตั้งค่าคุกกี้แต่ละประเภทได้ตามที่คุณต้องการโดยกดปุ่ม
“ตั้งค่าคุกกี้”
โดยคุณสามารถคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ประกาศการใช้งานคุกกี้
ของบริษัท
×
คุกกี้
คุกกี้ที่มีความจำเป็นต่อการใช้งานเว็บไซต์
Always Active
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการทำงานขั้นพื้นฐานของเว็บไซต์ ตัวอย่างเช่น การจดจำหน้าเว็บไซต์ที่คุณเข้าใช้งานล่าสุด การสำรวจหน้าเว็บไซต์ การจดจำรหัสของผู้เข้าใช้งาน หรือ ทำให้ผู้เข้าชม/ผู้ใช้เว็บไซต์เข้าสู่ระบบและสามารถเข้าถึงส่วนของเว็บไซต์ที่ถูกสงวนสิทธิ์ไว้สำหรับสมาชิกเท่านั้น เว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องหากไม่มีการเก็บรวบรวมคุกกี้เหล่านี้ การจัดเก็บคุกกี้ประเภทนี้จึงไม่มีความจำเป็นต้องขอความยินยอมจากคุณเพราะคุกกี้ประเภทนี้ไม่ได้มีการจัดเก็บข้อมูลซึ่งสามารถระบุตัวตนของคุณได้อย่างเฉพาะเจาะจงแต่อย่างใด
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์
คุกกี้ประเภทนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ ตัวอย่างเช่น การจดจำการตั้งค่าภาษา ภูมิภาค ขนาดตัวอักษรของคุณในการใช้งานเว็บไซต์ นับจำนวนและแหล่งที่มาของผู้เข้าชม/ผู้ใช้เว็บไซต์ เพื่อให้ทราบว่าผู้เข้าชม/ผู้ใช้เว็บไซต์มีการปฏิสัมพันธ์กับหน้าเว็บไซต์อย่างไร และหน้าเว็บไซต์ใดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดหรือน้อยที่สุด โดยการเก็บรวบรวมและการรายงานข้อมูลโดยไม่ระบุตัวตนของคุณอย่างไม่เฉพาะเจาะจงจะช่วยให้สามารถพัฒนาและมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ที่ดียิ่งขึ้น หากคุณไม่อนุญาตให้ใช้คุกกี้ประเภทนี้ อาจทำให้ไม่ทราบได้ว่าคุณเคยเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์เมื่อใดและไม่สามารถติดตามประสิทธิภาพการประมวลผลของหน้าเว็บไซต์ได้
คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูล
คุกกี้ประเภทนี้จะทำให้เว็บไซต์สามารถตอบสนองตามความพึงพอใจของคุณ โดยทำให้เราทราบถึงพฤติกรรมในการเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ รวมถึงรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการเข้าใช้งานเว็บไซต์ ตัวอย่างเช่น สามารถจดจำการเข้าใช้งานเว็บไซต์ได้สำหรับคุณในครั้งถัดไป ทำให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาสิ่งที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย และช่วยให้เราเข้าใจถึงความสนใจของผู้ใช้ และวัดประสิทธิผลของโฆษณาของเรา คุกกี้ประเภทนี้อาจถูกติดตั้งไว้โดยบริษัทหรือผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลที่สาม หากคุณไม่อนุญาตให้ใช้คุกกี้ประเภทนี้ การให้บริการบางอย่างของเว็บไซต์อาจไม่สามารถประมวลผลได้อย่างถูกต้อง
คุกกี้สำหรับสื่อสังคมออนไลน์
คุกกี้ประเภทนี้สำหรับฟังก์ชั่นการกดไลค์ แชร์ หรือสมัครสมาชิกบนเว็บไซต์ที่เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์
คุณยืนยันลบข้อมูลการเก็บคุกกี้ของเว็บไซต์ของบริษัท ซึ่งไม่รวมถึงการจัดเก็บของบุคคลที่สาม เช่น Chrome, Firefox, Internet Explorer, Safari ฯลฯ ที่คุณต้องไปดำเนินการด้วยตนเอง