คว้าโอกาสลงทุนกับกลุ่มผู้บริโภควัย Millennials พลังสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกผ่านกองทุน KFGMIL
สรุปสาระสำคัญจากงานสัมมนาออนไลน์ในหัวข้อ เกาะเทรนด์ลงทุนในโลกยุคใหม่ไปกับ Millennials Gen แนะนำโอกาสลงทุนใน KFGMIL หรือ กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลมิลเลนเนียลอิควิตี้ กองทุนธีมใหม่ล่าสุดของ บลจ.กรุงศรี ที่เกาะกระแสการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ วัย Millennials พร้อมหาโอกาสลงทุนในหลากหลายธุรกิจทั่วโลกที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มประชากรนี้ที่มีจำนวนมากที่สุดในโลก มีกำลังซื้อสูง และเป็นกลุ่มที่ขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในโลกยุคปัจจุบัน โดย KFGMIL ได้กองทุนระดับ 5 ดาวจากมอร์นิงสตาร์อย่าง Goldman Sachs Global Millennials Equity Portfolio มาเป็นกองทุนหลัก (ที่มา: Goldman Sachs Asset Management ณ 30 มิ.ย. 64 โดยการจัดอันดับจาก Morningstar ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการจัดอันดับของ AIMC แต่อย่างใด) ช่วยเฟ้นหาบริษัทที่ทำธุรกิจสนองความต้องการและวิถีการบริโภคของคนรุ่นใหม่ ไลฟ์สไตล์ทันสมัย รู้จักใช้เทคโนโลยี ควบคู่ไปกับการเลือกใช้สินค้าและบริการที่ใส่ใจเรื่องความยั่งยืนและพัฒนาคุณภาพชีวิต
ที่งานสัมมนา บลจ. กรุงศรี ได้เชิญ
คุณ Akanksha Ganju ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนจาก Goldman Sachs Asset Management และคุณพรชนก รัตนรุจิกร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนทางเลือก บลจ.กรุงศรี มาร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับผู้บริโภคกลุ่ม Millennials และโอกาสลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพที่จะเติบโตตามความต้องการบริโภค และความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคกลุ่มนี้ รวมทั้งให้รายละเอียดเกี่ยวกับแนวคิดที่มาของกองทุน กลยุทธ์การคัดเลือกหุ้น การจำแนกธีมการลงทุน โอกาสและความเสี่ยง การบริหารความเสี่ยง และผลการดำเนินงานที่ผ่านมา
คุณพรชนกกล่าวว่า กลุ่มผู้บริโภค Millennials หมายถึงผู้ที่เกิดระหว่างปีพ.ศ. 2523 – 2542 หรือมีอายุระหว่าง 22 - 41 ปีในปัจจุบัน เป็นกลุ่มประชากรที่มีความน่าสนใจ โดยเฉพาะในแง่ของจำนวนประชากรที่มีมากถึง 2.3 พันล้านคนทั่วโลก* หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30 ของประชากรทั้งหมด และหากแบ่งตามภูมิภาค ส่วนใหญ่จะอยู่ในประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะอินเดียและจีนซึ่งมีจำนวนรวมกันมากกว่า 800 ล้านคน (ที่มา: Goldman Sachs Asset Management/ Statista, Outlook India, World Finance ปี 2563) และจัดเป็นกลุ่มคนวัยทำงานที่มีความมั่งคั่ง มีกำลังซื้อสูง พร้อมที่จะจ่ายเงินซื้อสินค้าและบริการที่ตรงตามความต้องการ มีการคาดการณ์กันว่ากลุ่มมิลเลนเนียลจะมีรายได้แซงหน้าประชากรในกลุ่มอื่นๆ และจะเป็นกลุ่มที่มีการใช้จ่ายสูงที่สุดในอีก 5 ปีข้างหน้า* สินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการของคนกลุ่มนี้จึงมีแนวโน้มที่จะเติบโตสูงตามไปด้วย
*ที่มา: Goldman Sachs Asset Management | ซ้าย - World Population Survey, United Nations ณ ปี 2562 | ขวา – BofAMerrill Lynch, Javelin Research, Generation Y: Why They’re Worth a Second Look ปี 2558 | ข้อมูลคาดการณ์เศรษฐกิจและสภาพตลาดที่แสดงเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูล ณ วันที่จัดทำเอกสารเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถยืนยันได้ว่าการคาดการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้จริง
คุณ Akanksha จาก Goldman Sachs กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้คนรุ่นมิลเลนเนียลแตกต่างจากผู้บริโภครุ่นก่อนหน้าเกิดจากการที่พวกเขาเกิดและเติบโตขึ้นมาในช่วงที่เทคโนโลยีกำลังเข้ามามีบทบาทในวิถีชีวิตแทบทุกมิติ ทำให้พวกเขาเป็นกลุ่มที่มักจะมองหาสินค้าและบริการที่สนองความต้องการได้อย่างรวดเร็ว โดยการที่เป็นคนรุ่นแรกของโลกยุคดิจิทัลทำให้พวกเขามีลักษณะเฉพาะตัวที่โดดเด่นคือ มีความเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งในการดำรงชีวิต ทั้งในการบริโภคข้อมูลข่าวสาร การสื่อสารผ่านสื่อโซเชียล การเสพสื่อบันเทิง การซื้อสินค้า การสั่งอาหาร รวมทั้งการทำงานผ่านระบบออนไลน์ นอกจากนี้ คนกลุ่มนี้ยังให้ความสนใจในเรื่องการใช้ชีวิตอย่างมีไลฟ์สไตล์ และตระหนักถึงคุณค่าของสิ่งต่างๆ เช่น ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังใส่ใจในการดูแลสุขภาพและการพัฒนาคุณภาพชีวิต พวกเขายินดีที่จะจ่ายแพงกว่าหากว่านั่นเป็นวิธีที่นำไปสู่ความยั่งยืน
ที่มา: Goldman Sachs Asset Management
จากลักษณะเฉพาะที่โดดเด่นของคนกลุ่ม Millennials ทาง Goldman Sachs จึงมองเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 (2016) และมีแนวคิดจัดตั้งกองทุน Goldman Sachs Global Millennials Equity Portfolio นี้ขึ้นมา ซึ่งแบ่งธีมการลงทุนออกเป็น 2 ธีมใหญ่ๆ ตามพฤติกรรมการบริโภค คือ การบริโภคที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี (Tech-Enabled Consumption) เช่น สื่อโซเชียล เกมส์และบันเทิง นวัตกรรมทางการเงิน รวมทั้งบริการที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง เช่นรถยนต์ไฟฟ้า การทำงานผ่านระบบออนไลน์เป็นต้น ส่วนอีกธีมคือสินค้าและบริการที่สอดคล้องกับวิถีชีวิต (Lifestyle & Value) เช่น อาหารเพื่อสุขภาพ คุณภาพชีวิต การมีประสบการณ์ต่างๆ เช่น การเดินทาง การใช้สินค้าหรูหรา รวมไปถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการดูแลบุตรด้วย ทั้งนี้ การให้ความสำคัญกับการบริโภคสิ่งต่างๆ จะเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงวัย ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มมิลเลนเนียลจึงครอบคลุมหลากหลายประเภท
ที่มา: Goldman Sachs Asset Management | ข้อมูลคาดการณ์เศรษฐกิจและสภาพตลาดที่แสดงเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูล ณ วันที่จัดทำเอกสารเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถยืนยันได้ว่าการคาดการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้จริง
สำหรับกระบวนการคัดเลือกหุ้นของ Goldman Sachs เริ่มต้นจากการคัดกรองบริษัทจากทั่วโลกที่ทำธุรกิจสนองความต้องการกลุ่ม Millennials และสอดคล้องกับสองธีมหลักในการลงทุน โดยเริ่มจากบริษัท 400 กว่าแห่งทั่วโลก และทำการวิเคราะห์จากปัจจัยพื้นฐานของกิจการ พิจารณาศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว และเมื่อทีมนักวิเคราะห์ในแต่ละประเทศได้คัดกรองมาอย่างเข้มข้นแล้ว กองทุนจะเฝ้ารอเวลาที่สินทรัพย์อยู่ในระดับราคาเหมาะสมจึงจะเข้าลงทุน ในปัจจุบัน พอร์ตของกองทุนถือหุ้นอยู่ทั้งหมด 46 บริษัทจากทั่วโลก มีทั้งบริษัทใหญ่ที่เป็นแบรนด์ระดับโลกอย่าง Amazon, Nike, Walt Disney, Alphabet และบริษัทที่มีอัตราการเติบโตสูงในระดับภูมิภาค เช่น Mercado Libre อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ในอาร์เจนตินา เป็นต้น โดยกองทุนพยายามรักษาสมดุลของพอร์ตให้อยู่ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันระหว่างหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ และจะคอยติดตามการดำเนินงานของหุ้นที่ถืออยู่เสมอ รวมทั้งมองหาโอกาสในการลงทุนสินทรัพย์ใหม่ หรือทำการปรับเปลี่ยนพอร์ตให้เหมาะสมกับสถานการณ์เพื่อรักษาระดับการเติบโตของพอร์ตในทุกสภาวะ
ที่มา: Goldman Sachs Asset Management, FactSet ณ 30 มิ.ย. 64 | ผลรวมของสัดส่วนในแผนภาพอาจไม่เท่ากับ 100% เนื่องจากสัดส่วนการถือครองเงินสดในพอร์ตการลงทุน | ข้อมูลเพื่อประกอบการบรรยายเท่านั้น | พอร์ตการลงทุนและสัดส่วนที่แสดงด้านบนเป็นข้อมูล ณ วันที่ระบุ ซึ่งไม่สามารถใช้เป็นตัวแทนสำหรับการลงทุนในอนาคต | หลักทรัพย์และการจัดน้ำหนักการลงทุนที่แสดงอาจไม่สามารถเป็นตัวแทนของพอร์ตการลงทุนทั้งหมดได้ | การลงทุนดังกล่าวไม่ได้เป็นการยืนยันถึงผลกำไรในอนาคต
คุณ Akanksha ยกตัวอย่างว่า ในช่วงวิกฤติโควิด 19 ที่ผ่านมา ธุรกิจส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบเชิงลบ แต่สำหรับสินทรัพย์ในพอร์ตของกองทุนมากกว่า 60% สามารถปรับตัวและปรับธุรกิจให้อยู่รอดในช่วงวิกฤติ เช่น กรณีของสวนสนุกวอลท์ ดิสนีย์ที่ไม่สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวได้ แต่ได้ปรับตัวโดยการนำคอนเทนท์เข้าสู่โลกออนไลน์จนสามารถสร้างรายได้จากการเปลี่ยนแปลงธุรกิจดังกล่าว กองทุนจึงยังคงถือลงทุนในหุ้นนี้ต่อไป
ปัจจุบัน สินทรัพย์เด่นๆ ในพอร์ตของกองทุน ได้แก่ Beyond Meat ผู้ผลิตอาหารจากพืชเพื่อทดแทนเนื้อสัตว์ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในกลุ่ม Millennials ที่ดูแลสุขภาพ หรือ Farfetch แหล่งรวมสินค้าแฟชั่นกว่า 700 แบรนด์หรูจากทั่วโลกบนแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เจาะกลุ่ม Millennials โดยตรง และได้มีการร่วมทุนกับ Alibaba เพื่อจับกลุ่มลูกค้าในตลาดจีน จึงมีโอกาสเติบโตสูงมากในอนาคต รวมทั้ง PayPal แพลตฟอร์มการทำธุรกรรมทางการเงินที่มีฐานลูกค้ามากกว่า 400 ล้านคนทั่วโลก ก็มีโอกาสเติบโตตามกระแสของ E-Commerce และ Crypto Currency ที่กำลังเป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับผลการดำเนินงานที่ผ่านมา กองทุนหลักสามารถสร้างผลตอบแทนเหนือตลาดหุ้นโลกได้อย่างโดดเด่นในรอบหลายปี โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสองที่ผ่านมา หุ้นที่อยู่ใน Top Ten ของพอร์ต สามารถสร้างผลตอบแทนได้เหนือกว่าการคาดการณ์ของตลาดได้ถึง 46% และกลุ่มนักวิเคราะห์มีการคาดการณ์ว่าหุ้น Top Ten ที่กองทุนลงทุนอยู่ในปัจจุบันจะสามารถรักษาระดับการเติบโตของผลกำไรที่ 35% ต่อปีได้ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นระดับการเติบโตที่สูงมาก ขณะที่ตลาดหุ้นโลก ถูกคาดการณ์ว่าจะกลับมามีการเติบโตของผลกำไรในระดับปกติที่ 7% แสดงว่าพื้นฐานของหุ้นในพอร์ตการลงทุนยังคงแข็งแกร่ง และช่วงเวลานี้ซึ่งตลาดเพิ่งได้รับผลกระทบจากความผันผวนอันเกิดจากการสลับสับเปลี่ยนและโยกย้ายเงินลงทุนทั่วโลก จึงเป็นจังหวะเหมาะสมที่จะเข้าลงทุน
ที่มา: ทีมา: Bloomberg ณ 26 ก.ย. 2564 การถือครองหลักทรัพย์ต่างๆ หรือ สัดส่วนการลงทุนที่แสดงข้างต้นเป็นข้อมูล ณ วันที่แสดง และอาจจะไม่ได้การันตีส่ดส่วนการลงทุนในอนาคต
ด้านคุณพรชนกกล่าวว่า KFGMIL เป็นกองทุนที่มีความแตกต่างจากกองทุนหุ้นประเภท Thematic อื่นๆ เพราะเน้นเฉพาะกลุ่มประชากร Millennials เป็นหลัก และมีความยืดหยุ่นในการปรับน้ำหนักการลงทุนให้สอดคล้องกับเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคอยู่เสมอ จึงเป็นธีมการลงทุนที่น่าสนใจ และอยากแนะนำให้นักลงทุนสะสมเพิ่มไว้ในพอร์ตการลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว
ทั้งนี้ กองทุน KFGMIL จะแบ่งเป็น 2 ชนิดหน่วยลงทุน คือ ชนิดสะสมมูลค่า (KFGMIL-A) และชนิดผู้ลงทุนสถาบัน (KFGMIL-I) เสนอขายครั้งแรก (IPO) 20 - 27 ตุลาคม 2564 ลงทุนขั้นต่ำเพียง 500 บาท ผู้สนใจสามารถซื้อกองทุนได้ที่สาขาธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือตัวแทนสนับสนุนการขาย และ บลจ. กรุงศรี ทุกช่องทาง (@ccess Online และ @ccess Mobile) โดยบลจ.กรุงศรี จัดโปรโมชั่นพิเศษคือ เมื่อลงทุนทุกๆ 100,000 บาทในกองทุน KFGMIL-A รับเพิ่ม หน่วยลงทุนกองทุน KFGMIL-A มูลค่า 100 บาท (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด) ข้อมูลกองทุน/โปรโมชั่น คลิกที่นี่
นโยบายการลงทุนและคำเตือน
- KFGMIL ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศชื่อ Goldman Sachs Global Millennials Equity Portfolio, Class I Shares (Acc.) (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV กองทุน โดยกองทุนหลักมีนโยบายลงทุนในตราสารทุนของบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกที่ได้รับประโยชน์จากพฤติกรรม การบริโภคของประชากรกลุ่ม Millennials ที่เกิดในระหว่างปี พ.ศ. 2523 ถึง พ.ศ. 2542
- ระดับความเสี่ยงกองทุน: 6 - เสี่ยงสูง | ป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
- ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
สามารถสอบถามรายละเอียดข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่
บลจ.กรุงศรี จำกัด โทร. 02-657-5757 หรือธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา
ย้อนกลับ