เศรษฐกิจจีนแย่ : เรื่องจริงหรือคิดไปเอง


โดย   ดร. ฐนิตพงศ์ ชื่นภิบาล
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารความเสี่ยงด้านการลงทุน บลจ. กรุงศรี จำกัด

 
จีนรายงานเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้วโต 6.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้า และโต 1.5% จากไตรมาสสาม ส่งผลให้ตลอดปี 2561 เศรษฐกิจจีนขยายตัวต่ำสุดในรอบ 28 ปีที่ 6.6% ชะลอลงจาก 6.8% ในปี 2560 โดยการที่เศรษฐกิจจีนเติบโตในอัตราที่ชะลอลงเป็นผลมาจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่แท้จริงของจีนน่าจะต่ำกว่าที่รายงานไว้มาก โดยประเมินว่าเศรษฐกิจจีนจริงๆแล้วอาจขยายตัวเพียง 2% เท่านั้น ไม่ใช่กว่า 6% ตามที่ทางการรายงาน เนื่องจากมองว่าตัวเลขของทางการจีนไม่น่าเชื่อถือ

บทความนี้จึงขอนำเสนอข้อสงสัยที่นักวิเคราะห์บางส่วนมักตั้งเป็นประเด็น และนำข้อเท็จจริงบางส่วนที่อาจหักล้างข้อสงสัยเหล่านั้นได้

สิ่งที่นักวิเคราะห์คิด : เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงมากจนอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง
สิ่งที่เกิดขึ้นจริง : การพูดถึงการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในเชิงลบมีมาอย่างต่อเนื่องหลายปี ทั้งๆที่ในความเป็นจริงเศรษฐกิจจีนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในระดับสูง หากดูการเติบโตของเศรษฐกิจเมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส เศรษฐกิจจีนในช่วงปี 2559 – 2561 โตอยู่ในช่วง 1.4 – 1.9% ต่อไตรมาส ในขณะที่ในแต่ละไตรมาส เศรษฐกิจจีนโตสูงกว่า 6.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า ทั้งนี้หากเทียบกับเศรษฐกิจสหรัฐฯและยุโรปที่มีการเติบโตในระดับต่ำ หรือบางไตรมาสเติบโตติดลบ เศรษฐกิจจีนถือว่ามีความแข็งแกร่งและมีเสถียรภาพกว่ามาก
สำหรับสาเหตุที่นักวิเคราะห์มองว่าเศรษฐกิจจีนอาจโตต่ำกว่าที่รายงานไว้ อาจเป็นเพราะนักวิเคราะห์มองไปที่ภาคการผลิตแลภาคการส่งออกที่เติบโตในอัตราที่ชะลอลง แต่หากพิจารณาดูรายละเอียดข้อมูลเศรษฐกิจจีนจะพบว่าภาคบริการของจีนเติบโตในอัตราสูงอย่างต่อเนื่อง และมีสัดส่วนสูงกว่าภาคการผลิต ในขณะที่การบริโภคภายในประเทศก็มีสัดส่วนสูงกว่าการส่งออก จึงเป็นไปได้ที่นักวิเคราะห์บางส่วนอาจละเลยข้อเท็จจริงในจุดนี้
สิ่งที่พอจะสังเกตุได้ว่าเศรษฐกิจจีนยังคงขยายตัวได้ดี ได้แก่ การที่นักท่องเที่ยวจีนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้น และข้อมูลจาก UNWTO World Tourism Barometer ระบุว่าในปี 2560 นักท่องเที่ยวจีนใช้จ่ายรวม 2.58 แสนล้านดอลลาร์ สูงเป็นอันดับหนึ่ง ตามด้วยนักท่องเที่ยวสหรัฐฯเป็นอันดับสอง มียอดใช้จ่ายรวม 1.35 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ ร้านค้าแบรนด์เนมดังยังคงคับคั่งไปด้วยนักท่องเที่ยวจีน เป็นการสะท้อนว่าคนจีนมีรายได้เพิ่มขึ้น และมีความเชื่อมั่นในการใช้จ่าย ซึ่งพอบ่งชี้ได้ว่าเศรษฐกิจจีนยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

สิ่งที่นักวิเคราะห์คิด : นักวิเคราะห์จำนวนมากยังคงมองว่าบริษัทจีนมีการแต่งบัญชีเพื่อให้ผลประกอบการออกมาดูดี
สิ่งที่เกิดขึ้นจริง : ในปัจจุบัน บริษัทจีนจำนวนมากได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสำคัญทั่วโลก หรือมีการขยายการลงทุนออกไปในต่างประเทศ ทั้งในสหรัฐฯ ยุโรป ฮ่องกง เป็นต้น ซึ่งการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เหล่านี้ย่อมต้องได้รับการตรวจสอบบัญชีจากบริษัทผู้ตรวจสอบบัญชีที่ได้รับการยอมรับในประเทศนั้นๆ จึงเป็นการรับประกันความโปร่งใสของตัวเลขทางบัญชีของบริษัทนั้นๆได้ในระดับหนึ่ง เพราะบริษัทในประเทศที่พัฒนาแล้วก็ยังถูกพบว่ามีการตบแต่งบัญชีอยู่บ้าง เช่น บริษัทเอ็นรอน บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ซึ่งขอยื่นล้มละลายไปเมื่อปี 2001 เป็นต้น

สิ่งที่นักวิเคราะห์คิด : นักวิเคราะห์จำนวนมากเชื่อว่าตัวเลขการส่งออกของจีนเป็นตัวเลขที่แต่งขึ้นมาเพื่อให้ดูดี และเชื่อว่ายอดส่งออกที่แท้จริงของจีนต่ำกว่าตัวเลขที่รายงานมาก โดยเชื่อมโยงกับตัวเลขการค้าของฮ่องกง ซึ่งเป็นประตูการส่งออกสำคัญของจีน 
สิ่งที่เกิดขึ้นจริง : สถิติการค้าโลกบ่งชี้ว่า จีนเป็นผู้ส่งออกอันดับหนึ่งของโลก แซงเยอรมนีที่รั้งตำแหน่งผู้นำการส่งออกมาอย่างยาวนาน รวมถึงในปัจจุบันที่สหรัฐฯพยายามหาทางแก้ไขปัญหาการขาดดุลการค้าให้แก่จีนในระดับที่สูงมาก  ตัวเลขการค้าโลกในปัจจุบันจึงเป็นสิ่งยืนยันได้ว่าการส่งออกของจีนเติบโตดีมานาน การแต่งตัวเลขอาจมีอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้ตัวเลขที่แท้จริงผิดเพี้ยนไปมากนัก

สิ่งที่นักวิเคราะห์คิด   : ปัญหาธนาคารเงา (shadow banking) จะส่งผลให้เศรษฐกิจจีนล่มสลายในไม่ช้า
สิ่งที่เกิดขึ้นจริง : ในปัจจุบัน แทบไม่มีนักวิเคราะห์ท่านใดพูดถึงปัญหาธนาคารเงา เนื่องจากรัฐบาลจีนได้ทยอยแก้ปัญหาไปมาก ส่งผลให้ในช่วงนี้เศรษฐกิจจีนไม่ได้เติบโตร้อนแรงเหมือนในอดีต แต่เป็นการเติบโตที่มีเสถียรภาพมากขึ้น (มีความเสี่ยงจากปัญหาหนี้สินลดลง)

ประเด็นต่างๆที่ยกตัวอย่างมานี้ เป็นเพียงบางส่วนที่นักวิเคราะห์ตั้งข้อสงสัยไว้ อย่างไรก็ดี ในกรณีที่เศรษฐกิจจีนชะลอลง รัฐบาลจีนยังมีเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่มาก เช่น การปรับลดอัตราดอกเบี้ย การลดภาษี การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเป็นต้น ดังนั้น หากนักลงทุนมองเห็นอนาตของเศรษฐกิจจีนในระยะยาว และสามารถรับความผันผวนของตลาดหุ้นจีนได้ การลงทุนในหุ้นจีนน่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจครับ

ย้อนกลับ

@ccess Mobile Application

ทำรายการกองทุนสะดวกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว