ลงทุนท่ามกลางวิกฤต


ดร. ฐนิตพงศ์ ชื่นภิบาล
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารความเสี่ยงด้านการลงทุน บลจ. กรุงศรี จำกัด


การลงทุนในช่วงนี้มีความไม่แน่นอนอยู่มากจาก 2 ปัจจัยหลัก โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบมาตั้งแต่ต้นปี ได้แก่ ความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจขึ้นดอกเบี้ย 7 ครั้งในปีนี้ เนื่องจากเงินเฟ้อมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่ประเมินไว้  ในขณะที่ปัญหาที่เพิ่มความกังวลให้แก่ตลาด ได้แก่ ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าการที่สหรัฐและชาติตะวันตกคว่ำบาตรรัสเซียจะส่งผลกระทบให้ปัญหาในห่วงโซ่อุปทานเลวร้ายลง และปัญหาเงินเฟ้อจะทวีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากรัสเซียเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่

ทั้งนี้ ถึงแม้ปัญหาความตึงเครียดในยูเครนอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แต่เฟดส่งสัญญาณว่ามีโอกาสที่ดอกเบี้ยจะขึ้นเร็วกว่าที่ประเมินไว้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ โดยเฟดมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะรองรับการขึ้นดอกเบี้ย

จาก 2 ปัญหาสำคัญนี้ น่าจะส่งผลให้นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่มั่นใจว่าจะลงในสินทรัพย์ใด เนื่องจากตลาดหุ้นก็มีความเสี่ยงสูงจากทั้ง 2 ปัญหาดังกล่าว ในขณะที่ราคาตราสารหนี้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากดอกเบี้ยขาขึ้น  ส่วนราคาทองคำได้แรงหนุนจากปัญหาความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครน แต่ก็ได้รับแรงกดดันจากการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

อย่างไรก็ดี หากท่านเป็นนักลงทุนประเภท contrarian ซึ่งชอบลงทุนสวนตลาด หรือเป็นนักลงทุนที่มุ่งหวังผลตอบแทนในระยะยาว ท่านอาจพิจารณาลงทุนในกองทุนหุ้น ซึ่งมีกองทุนที่น่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีได้ในระยะยาวที่น่าสนใจ ได้แก่ กองทุนหุ้นไทยและกองทุนหุ้นจีน เนื่องจากเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการฟื้นตัว ในขณะที่รัฐบาลจีนมีแนวโน้มใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจเติบโตได้ตามเป้าหมาย

สำหรับการลงทุนในกองทุนหุ้นไทย นอกจากได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจที่ยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการฟื้นตัว ซึ่งตัวเลขเศรษฐกิจน่าจะทยอยปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ตลาดหุ้นไทยยังถูกมองจากนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งว่าเป็นตลาดที่ปลอดภัย เนื่องจากหุ้นหลักๆขนาดใหญ่ที่อยู่ในตลาดหุ้นไทยส่วนใหญ่เป็นหุ้นประเภท Value stock และในช่วงหลายปีที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นช้ากว่าตลาดหุ้นอื่นๆ รวมถึงเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องหลายปี จึงน่าจะสนับสนุนให้เงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องในปีนี้ 

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มหลักในตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มที่จะสร้างผลตอบแทนได้ดี โดยกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่มีทั้งกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นของราคาน้ำมัน การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ  นอกจากนี้ หุ้นหลายกลุ่มหลักในตลาดต่างก็เป็นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน  โดยเศรษฐกิจไทยอาจเติบโตได้ดีต่อเนื่องอย่างน้อยอีก 2 ปี ตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว

ในด้านปัญหาเงินเฟ้อ อัตราเงินเฟ้อของไทยมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน ในขณะที่มาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพ และมาตรการบรรเทาผลกระทบจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก ต่างมีส่วนช่วยในการลดแรงกดดันเงินเฟ้อ

ส่วนในด้านปัญหาความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครน ไทยไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงมากนัก เนื่องจากการค้าระหว่างไทยกับรัสเซียและยูเครนยังมีไม่มาก อีกทั้งไทยอาจได้ประโยชน์จากการส่งออกสินค้าทดแทนสินค้าที่รัสเซียส่งไปขายยังสหรัฐและยุโรป ในส่วนของภาคการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวรัสเซียถือว่าเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญ แต่อาจได้รับผลกระทบไม่มากเช่นกัน เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวของไทยยังคงค่อยๆฟื้นตัว จำนวนนักท่องเที่ยวจึงยังอยู่ในระดับต่ำกว่าก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19  นอกจากนี้ ชาวรัสเซียส่วนใหญ่ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเป็นนักธุรกิจหรือมีครอบครัวอยู่ในไทยอยู่แล้ว การลดลงของชาวรัสเซียที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยจึงน่าจะได้รับผลกระทบในช่วงสั้นๆ  อย่างไรก็ดี ไทยอาจได้รับผลกระทบทางอ้อมจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่อาจล่าช้ากว่าที่คาด และการส่งออกไปยุโรปอาจได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเศรษฐกิจยุโรปมีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจรัสเซียอยู่มาก โดยเฉพาะในด้านพลังงาน เนื่องจากรัสเซียเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ให้แก่ยุโรป 

สำหรับกองทุนหุ้นจีน รัฐบาลจีนมีแนวโน้มออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องหลังจากเศรษฐกิจมีสัญญาณชะลอตัวลงมาก โดยที่ผ่านมาธนาคารกลางจีนได้ประกาศลดดอกเบี้ยนโยบาย และอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่รัฐบาลจีนระบุว่าจะลดค่าธรรมเนียมและลดภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมทั้งสนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง และยังคงเดินหน้าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม  ทั้งนี้ รัฐบาลจีนได้ประกาศไว้ว่านโยบายเศรษฐกิจในปีนี้จะเน้นการเติบโตอย่างมีคุณภาพ ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทและตลาดหุ้นจีน  สำหรับความเสี่ยงในการลงทุนในตลาดหุ้นจีน ได้แก่ การใช้มาตรการโควิดเป็นศูนย์ของรัฐบาลจีน และความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐ 

อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงจากแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน น่าจะส่งผลให้ตลาดหุ้นมีความผันผวนมากกว่าปกติ ดังนั้น จึงมีโอกาสที่นักลงทุนอาจขาดทุนสูงในบางช่วง นักลงทุนที่จะลงทุนในกองทุนหุ้นในช่วงนี้จึงควรเป็นผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูงกว่าปกติ
 
ข้อมูลกองทุน
  • กองทุนหุ้นไทย คลิก:  KFTSTAR-A  | KFTSTAR-D   
  • กองทุนหุ้นจีน  คลิก: KFACHINA-A 

พบทุกคำตอบเรื่องเงินที่ Krungsri The Coach คลิกที่นี่ 








ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
สามารถสอบถามรายละเอียดข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.กรุงศรี  โทร. 02-657-5757
หรือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา

ย้อนกลับ

@ccess Mobile Application

ทำรายการกองทุนสะดวกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว