สัมมนา Unconstrained Investing: Unleashing Hidden Potential Returns



บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด (บลจ.กรุงศรี) จัดสัมมนาพิเศษในหัวข้อ “Unconstrained Investing: Unleashing Hidden Potential Returns” โดยเชิญคุณ Brian Knowles ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนจาก BlackRock กองทุนชั้นนำระดับโลก พร้อมด้วยคุณเกียรติศักดิ์ ปรีชาอนุสรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนทางเลือก บลจ.กรุงศรี ร่วมให้ข้อมูลสรุปภาพรวมของตลาด ทิศทางและแนวโน้มการลงทุนในปี 2567 พร้อมแนะนำกองทุนระดับท็อปฟอร์ม “BlackRock Global Unconstrained Equity Fund ที่ตั้งแต่เปิดตัวในปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่วิกฤติโควิดยังแพร่ระบาด ก็สามารถเอาชนะตลาดได้อย่างโดดเด่นด้วยกลยุทธ์การลงทุนแบบ Unconstrained Approach ที่เน้นการคัดเลือกหุ้นที่พื้นฐานแข็งแกร่ง และเติบโตได้อย่างมั่นคงในระยะยาว โดยไม่ยึดติดกับดัชนี และไม่จำกัดกลุ่มอุตสาหกรรมหรือประเภท และยังให้น้ำหนักมากกว่า 50% ของพอร์ตลงทุนในธุรกิจที่มีความทนทานต่อวัฏจักรเศรษฐกิจ เพื่อลดความผันผวนในช่วงตลาดขาลง จึงถูกเลือกมาเป็นกองทุนหลักของ KFGLOBAL ซึ่งจะเปิดขาย 18 – 25 มีนาคม นี้ เพื่อเป็นโอกาสให้ได้ลงทุนในบริษัทระดับท้อปจากหลากหลายอุตสาหกรรมที่สร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งยังแนะนำให้ใช้เป็นพอร์ตหลักของการลงทุนได้ด้วย 

คุณเกียรติศักดิ์ กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนของโลกในปี 2567 ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะยังคงมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางการลงทุนอยู่ต่อไป โดยเฉพาะเรื่องของทิศทางอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ เชื่อว่าเริ่มตั้งแต่กลางปีนี้เป็นต้นไปน่าจะเริ่มมีการปรับลดดอกเบี้ยลงแล้ว เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลง ภาพรวมเศรษฐกิจเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น จากการรายงานผลประกอบการโดยรวมของบริษัทในดัชนี S&P 500 ในไตรมาส 4 ดีกว่าที่คาดการณ์ถึง 8% แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ ทำให้โอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยเหลือเพียง 40% จากเดิมที่คาดไว้ที่ 70% สถานการณ์เช่นนี้ล้วนเป็นปัจจัยส่งเสริมให้การลงทุนในตลาดหุ้นมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
 

 

ที่มา: Bloomberg ณ 28 ก.พ. 67

อย่างไรก็ดี คุณ Brian จาก BlackRock กล่าวว่า การลงทุนในหุ้นในสภาวะปัจจุบันนี้มีความท้าทายมากยิ่งกว่าเดิม นับตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา การลงทุนในหุ้นนั้นมีข้อจำกัดอยู่หลายประการได้แก่เรื่องของระยะเวลาในการลงทุนที่ลดลงเรื่อยๆ จากการที่นักวิเคราะห์มักจะมองหาผลตอบแทนที่ดีในระยะสั้นมากกว่าดูที่ความสามารถของบริษัทในการรักษาการเติบโตในระยะยาว ส่วนรูปแบบของการลงทุนก็ถูกจำกัดจากการที่ต้องเทียบเคียงกับดัชนีชี้วัด (Benchmark)  ตลอดเวลา ทั้งนี้ ทาง BlackRock มองว่าปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นข้อจำกัดในการลงทุน หากสามารถก้าวข้ามไปได้ ก็จะเปิดโอกาสในการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดและสามารถลงทุนได้ในระยะยาว

ด้วยแนวคิดในการหา Alpha Opportunity หรือโอกาสสร้างผลตอบแทนได้มากกว่าตลาด BlackRock ใช้กลยุทธ์ Unconstrained approach ในการคัดเลือกหุ้นเข้ากองทุน โดยจะมองข้ามข้อจำกัดต่างๆ ทั้งเรื่องของการเปรียบเทียบกับดัชนีชีวัด หรือระยะเวลาการลงทุน แต่จะเน้นเลือกบริษัทที่เป็น “Great Businesses” มีพื้นฐานแข็งแกร่ง สามารถเติบโดและทำกำไรที่ดีได้อย่างยั่งยืน สามารถเป็นผู้นำตลาดได้ในระยะยาว ทั้งยังให้ความสำคัญกับกระแสเงินสดที่ดีต่อเนื่องสม่ำเสมอมากกว่าการพิจารณาแค่เพียงราคาหุ้นในปัจจุบัน นอกจากนี้ บริษัทควรต้องมีทีมผู้บริหารที่สุดยอดและเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจนั้นๆ และเมื่อหาหุ้นที่มีคุณสมบัติดังกล่าวได้แล้วก็จะลงทุนแบบระยะยาว ไม่เน้นการซื้อขายบ่อย เพื่อที่จะเติบโตไปพร้อมกับผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืนพร้อมกับบริษัทนั่นเอง

สำหรับธีมการลงทุนในปัจจุบัน ประกอบด้วย 3 ธีมหลักๆ ได้แก่ 1) บริษัทที่มีแบรนด์ที่แข็งแกร่งและมีตำแหน่งเป็นผู้นำตลาดอย่าง LVMH เจ้าของแบรนด์หลุยส์ วิตตอง หรือบริษัทรถหรูเฟอร์รารี ที่ถูกจดจำในแง่ของความเป็น Luxury Brand 2)   หุ้นเทคโนโลยี โดยเฉพาะบริษัทที่มีนวัตกรรม เช่นบริษัท ASML ของเนเธอแลนด์ผู้ผลิตระบบเทคโนโลยีสร้างวงจรไมโครอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก หรือ Microsoft ซึ่งมีนวัตกรรมด้าน AI และมีรูปแบบการสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอ 3)   บริษัทที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อย่าง Novo Nordic บริษัทขายยาลดน้ำหนัก และรักษาโรคเบาหวานซึ่งมีการเติบโตสูงมากและยังเติบโตได้อีกในระยะยาว จึงเห็นได้ว่า พอร์ตกองทุนนี้ไม่ได้เน้นเฉพาะหุ้นเติบโตอย่างหุ้นเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังมีหุ้นเชิงรับผันผวนน้อย (Defensive Stocks) อยู่ด้วย จึงช่วยลดความผันผวนของพอร์ตได้
ที่มา: BlackRock ณ 31 ธ.ค. 66 | ข้อมูลเพื่อประกอบการอธิบายเท่านั้น | พอร์ตและมุมมองการลงทุนอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต
ที่มา: BlackRock ณ 31 ธ.ค. 66 | ข้อมูลเพื่อประกอบการอธิบายเท่านั้น | แนวทางการลงทุนข้างต้นไม่ได้เป็นการรับประกันว่าผลตอบแทนจากการลงทุนจะเป็นบวกได้ตลอดทุกช่วงเวลา | ถึงแม้ว่าแนวทางการลงทุนข้างต้นมีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม กองทุนยังอาจมีความเสี่ยงอยู่ | กระบวนการลงทุนอาจเปลี่ยนแปลงโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ปัจจุบันนี้ พอร์ตของกองทุนมีการลงทุนในหุ้นทั้งหมด 21 บริษัท โดยเน้นบริษัทระดับโลกที่อยู่ในประเทศพัฒนาแล้วอย่างในสหรัฐอเมริกา และยุโรปเป็นหลัก โดยกองทุนเน้นลงทุนในหุ้นน้อยตัวแต่ให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นแต่ละตัวค่อนข้างมากเนื่องจากผ่านการคัดสรรอย่างเข้มข้นจากทีมนักวิเคราะห์มาแล้ว โดยหุ้น 10 อันดับแรกในพอร์ตมีคุณสมบัติร่วมคือ เป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่ง เป็นผู้นำตลาด มีอัตราการเติบโตสูง และสามารถสร้างผลตอบแทนที่สูงได้สม่ำเสมอ โดยแม้ในช่วงภาวะวิกฤตก็ยังสามารถรักษาการเติบโตและกระแสเงินสดไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
ที่มา: Bloomberg ณ 27 ก.พ. 67 | ผลตอบแทนที่แสดงเป็นผลตอบแทนของหุ้นรายตัว ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับผลการดำเนินงานของกองทุน | ข้อมูลเพื่อประกอบการอธิบายเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถอ้างอิงเป็นคำแนะนำในการลงทุนได้ | ชื่อบริษัทที่ถูกแสดงข้างต้นไม่ได้หมายถึงหลักทรัพย์ทั้งหมดที่กองทุนลงทุน และไม่ควรใช้อ้างอิงว่าการลงทุนในบริษัทเหล่านี้จะมีกำไรเสมอ

สำหรับผลการดำเนินงานที่ผ่านมา กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนเอาชนะตลาดได้อย่างโดดเด่น ในปี 2563 กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงถึง 25% ขณะที่ตลาดทำได้เพียง 13% ในปี 2564 ทำผลตอบแทนได้ถึง 33% มีเพียงเฉพาะปี 2565 เท่านั้นที่มีผลการดำเนินงานติดลบเนื่องจากเป็นปีที่มีปัจจัยกระทบการลงทุนค่อนข้างมากจากการปรับดอกเบี้ยขึ้น อัตราเงินเฟ้อสูง ทำให้เศรษฐกิจผันผวน แต่ด้วยความเชื่อมั่นในบริษัท ทำให้ไม่ได้มีการปรับพอร์ตแต่อย่างใด ซึ่งในปี 2566 ผลตอบแทนสามารถกลับมาเป็นบวกได้อีกครั้ง โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 34% และสามารถเอาชนะตลาดได้ถึง 10% ภาพรวมของกองทุนจึงมีผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาดอย่างต่อเนื่อง
ที่มา: BlackRock ณ 31 ธ.ค. 66 | ผลตอบแทนของดัชนีไม่ได้สะท้อนถึงค่าธรรมเนียมการจัดการ, ต้นทุนการทำธุรกรรมหรือค่าใช้จ่ายต่างๆ | กองทุนจัดตั้งขึ้นในวันที่ 21 ม.ค. 63 | ผลตอบแทนที่แสดงเป็นผลตอบแทนสุทธิหลังหักค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องของหน่วยลงทุนชนิด USD D accumulating | ผลการดำเนินงานที่แสดงเป็นผลการดำเนินงานของกองทุนหลัก ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานการวัดผลการดำเนินงานของกองทุนรวมของ AIMC

นอกจากโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ในระดับสูงเมื่อภาวะตลาดเป็นขาขึ้นแล้ว ในขณะที่ตลาดเป็นขาลง กองทุนสามารถทำให้พอร์ตติดลบน้อยกว่าตลาดได้ อันเนื่องมาจากการจัดสรรพอร์ตการลงทุนอย่างเหมาะสม โดยกองทุนจะให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นปลอดภัยมากกว่า 50%  เพื่อลดความผันผวน

อย่างไรก็ตาม แม้กองทุนจะเน้นการลงทุนในระยะยาว แต่ก็จะมีกลยุทธ์ในการขายหุ้นออกด้วยเช่นกันโดยมีปัจจัยพิจารณา เมื่อเห็นว่าบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงด้านปัจจัยพื้นฐานจนอาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในระยะยาว หรือมีหุ้นตัวอื่นในตลาดที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้มากกว่าหุ้นที่ถืออยู่ รวมถึงกรณีที่ราคาหุ้นที่ลงทุนเกินมูลค่าพื้นฐานไปมากแล้ว

คุณเกียรติศักดิ์กล่าวสรุปว่า ช่วงระยะเวลานี้เป็นช่วงที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนในกองทุนดังกล่าวเนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในช่วงแนวโน้มขาขึ้น เป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของหุ้นทั่วโลก ทั้งนี้ บลจ.กรุงศรีมองว่า กองทุน KFGLOBAL เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทน โดยสามารถลงทุนควบคู่ไปกับกองทุน KFGBRAND และจัดสัดส่วนให้เหมาะสมกับความคาดหวังของผลตอบแทนและความเสี่ยงที่รับได้
ที่มา: Bloomberg ณ 28 ก.พ. 67 โดยอ้างอิงจากผลตอบแทนของกองทุนหลัก โดยเป็นผลตอบแทนตามช่วงเวลาที่ระบุ | ข้อมูลเพื่ออธิบายลักษณะผลตอบแทนของการจัดสรรพอร์ตการลงทุนเท่านั้น ซึ่งไม่ได้เป็นการการันตีถึงผลตอบแทนที่จะเกิดขึ้นจริง และไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานการวัดผลการดำเนินงานของกองทุนรวมของ AIMC แต่อย่างใด | KFGLOBAL/ KFGBRAND ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน จึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้

สำหรับนักลงทุนที่สนใจใน KFGLOBAL กองทุนจะเสนอขายครั้งแรก (IPO) 18 – 25 มีนาคม นี้ ลงทุนขั้นต่ำ 500 บาทเท่านั้นสำหรับ KFGLOBAL-A โดยในช่วง IPO บลจ.กรุงศรี ได้จัดโปรโมชันพิเศษที่ทุกๆ ยอดการลงทุน 100,000 บาทในกองทุน KFGLOBAL-A จะได้รับเพิ่ม หน่วยลงทุนกองทุน KFGLOBAL-A มูลค่า 100 บาท (เมื่อลงทุนตามเงื่อนไข*)

คำเตือน    
  • ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
  • KFGLOBAL ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน จึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
  • เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือ และ ความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
  
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือขอรับหนังสือชี้ชวนกองทุนได้ที่ บลจ.กรุงศรี  โทร. 02-657-5757 หรือธนาคารกรุงศรีอยุธยา ทุกสาขา หรือ ตัวแทนสนับสนุนการขายหน่วยลงทุน

*ข้อมูลและโปรโมชันกองทุน KFGLOBAL คลิก

ย้อนกลับ

@ccess Mobile Application

ทำรายการกองทุนสะดวกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว