Login@ccess
LoginEm@ccess
TH
เกี่ยวกับบลจ.กรุงศรี
ข่าว/ประกาศกองทุน
สรุปภาวะตลาด
วางแผนการลงทุน
ติดต่อเรา
การทำรายการซื้อ-ขาย
เมนูหลัก
ค้นหา
Home
เข้าสู่ระบบ
@ccess online
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD)
Seminar Booking
กองทุนรวม
หน้าหลักกองทุนรวม
กองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารตลาดเงิน
กองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้
กองทุนผสม
กองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้น
กองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ
กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF)
กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF)
กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG)
กองทุนกรุงศรี 2TM
กองทุนอสังหาริมทรัพย์
กองทุนที่ลงทุนในทรัพย์สินทางเลือก
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
เกี่ยวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
Employee’s choice
ตารางวันคำนวณจำนวนหน่วย
แบบประเมินความเสี่ยง
ติดต่อกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
จุดเด่นของ บลจ.กรุงศรี
มูลค่าหน่วยลงทุน
ผลการดำเนินงานกองทุนรวม
Krungsri @ccess Mobile App
ลงทุนกองทุนกรุงศรี
สะดวกกว่านี้ ไม่มีอีกแล้ว
ดูเพิ่มเติม
ราคาหน่วยลงทุนย้อนหลัง
ผลการดำเนินงานย้อนหลัง
Quicklink
ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม
สมัครบริการ @ccess online
กองทุนรวม
เปิดบัญชีและทำรายการ
ทดสอบระดับความเสี่ยง
หนังสือรับรองฯ SSF/ RMF/ Thai ESG/ LTF/ หักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิฯ)
แจ้งความประสงค์ใช้สิทธิภาษี SSF/ RMF/ Thai ESG
ค้นหา
หน้าหลัก
>
วางแผนการลงทุน
>
เรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุน
>
ดอกเบี้ยติดลบ ไม่น่าลงทุนจริงหรือ
Quicklink
ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม
สมัครบริการ @ccess online
กองทุนรวม
เปิดบัญชีและทำรายการ
ทดสอบระดับความเสี่ยง
หนังสือรับรองฯ SSF/ RMF/ Thai ESG/ LTF/ หักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิฯ)
แจ้งความประสงค์ใช้สิทธิภาษี SSF/ RMF/ Thai ESG
เข้าสู่ระบบ
@ccess online
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD)
ดอกเบี้ยติดลบ ไม่น่าลงทุนจริงหรือ
โดย ศิริพร สินาเจริญ
CFA กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงศรี
เชื่อว่ามีนักลงทุนหลายท่านเคยมีคำถามว่า ทำไมกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นในประเทศไทยถึงได้มีการลงทุนในภูมิภาคที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าศูนย์เช่น ยุโรป รวมถึงคำถามที่ว่าทำไมประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ำอย่างประเทศในแถบยุโรปตะวันตกหรือประเทศญี่ปุ่นถึงยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนและยังมีการฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์อยู่อีก
การที่ผู้ลงทุนนำเงินไปฝากกับธนาคารในต่างประเทศย่อมคาดหวังผลตอบแทนจากดอกเบี้ย และ ไม่ต้องการแบกรับความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเมื่อครบกำหนดชำระคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย จึงทำการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า โดยการแลกเงินจากสกุลเงินบาทไปเป็นเงินสกุลปลายทาง และทำสัญญารับเงินสกุลปลายทางกลับมาเป็นสกุลเงินบาทในวันครบอายุ และในบางกรณียังสามารถเพิ่มผลตอบแทนจากดอกเบี้ยได้เมื่อมีการลงทุนจนครบอายุ
เมื่อได้ทำการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าบนสกุลเงินที่มีต้นทุนการกู้ยืมเงินต่ำกว่า เราก็จะได้เงินบาทต่อหน่วยสกุลเงินนั้นในอนาคตสูงกว่าเงินบาทต่อหน่วยในปัจจุบัน เช่น ปัจจุบัน 1 ยูโร แลกได้ประมาณ 37.18 บาท หากทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ในอีก 1 ปี 1 ยูโรจะแลกได้ 37.85 บาท ได้เงินบาทเพิ่มขึ้นคิดเป็นต่อปีประมาณ 1.80% นั้นเท่ากับว่า หากเรานำเงินบาทไปแลก 100 ยูโร และ “ทำสัญญาขายเงินยูโรล่วงหน้า” พอครบกำหนดเราจะสามารถนำเงินยูโรไปแลกเป็นเงินบาทต่อหน่วยได้มากกว่าเดิม เมื่อรวมกับผลตอบแทนจากการฝากเงินสกุลยูโร ซึ่งหากฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์ในยุโรปอาจให้ผลตอบแทนติดลบ 0.10% ต่อปี ทำให้เมื่อครบอายุเงินฝาก 1 ปี เราจะได้เงินต้นยูโรคืนมาพร้อมดอกเบี้ยเพียง 99.90 ยูโร เมื่อรวมผลจากการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว ได้ผลตอบแทนประมาณ 1.70% ซึ่งคำนวณจาก (37.85 x 99.90) – (37.18 x 100) ทั้งหมดหารด้วย 37.18 x 100 จะเห็นว่าสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยที่ -0.10% มาก ในเมื่อการฝากเงินทำให้เงินต้นลดลง ทำไมเราไม่ถือเงินยูโรเฉยๆ สำหรับกองทุนวิธีถือเงินดังกล่าวไม่สามารถทำได้ในทางปฏิบัติ เนื่องจากเงินปริมาณมากต้องถูกนำไปลงทุนหรือดูแลโดยผู้ดูแลผลประโยชน์และบัญชีส่วนใหญ่ของธนาคารที่รับฝากเงิน ยูโรนั้น มีธนาคารกลางของยุโรปเป็นผู้ดูแลอยู่ ทำให้เป็นไปได้สูงที่จะคิดดอกเบี้ยติดลบเช่นเดียวกับธนาคารในยุโรป ซึ่งปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารเฉลี่ย (Euro LIBOR) อยู่ที่ประมาณ -0.20%
เหตุที่เมื่อปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าบนสกุลเงินที่มีต้นทุนการกู้ยืมเงิน “ต่ำกว่า” บ้านเราแล้ว เราจะได้เงินบาทต่อหน่วยสกุลเงินนั้นในอนาคตตามสัญญา “สูงกว่า” เงินบาทต่อหน่วยสกุลเงินดังกล่าว ณ ปัจจุบัน เกิดจากความจริงที่ว่าโลกเรามีเทรดเดอร์หรือนักค้าค่าเงินที่สามารถทำกำไรบนความเสี่ยงที่ต่ำมาก หากราคาไม่เป็นไปดังที่กล่าวผ่านธุรกรรมกู้ยืมเงินกับโบรกเกอร์ค้าเงินระหว่างประเทศและธนาคารในประเทศ ในทางกลับกันหากเราปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้ากับค่าเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยในตลาดสูงกว่าเรา เช่น ดอลลาร์สหรัฐ เราจะได้เงินบาทต่อหน่วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในอนาคตต่ำกว่าเงินบาทต่อดอลลาร์ ณ ปัจจุบัน หมายความว่า จะมีต้นทุนในการป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน หากเราต้องการล็อคผลตอบแทนในรูปดอลลาร์สหรัฐในอนาคตให้เป็นเงินบาท
ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยระดับต่ำในบางประเทศใช่ว่าจะแย่เสมอไป หรืออัตราดอกเบี้ยที่สูงในต่างประเทศก็ไม่ได้หมายความว่าจะน่าสนใจลงทุนเสมอไป สำหรับผู้ที่ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ความเสี่ยงในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนมีระดับที่สูงกว่าผลตอบแทนของตราสารหนี้มาก การเลือกลงทุนในเงินฝากต่างประเทศจึงต้องพิจารณาเรื่องต้นทุนหรือกำไรจากการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนด้วยเช่นกัน
การนำเงินไปฝากกับธนาคารในต่างประเทศนั้น ในทางปฏิบัติจะเป็นไปได้ยากสำหรับผู้ลงทุนที่มิใช่สถาบัน เนื่องจากมีการกำหนดขั้นต่ำของการฝากเงินในระดับหลายสิบล้านบาท การเปิดบัญชีมีค่าใช้จ่าย และใช้เวลานานในการยืนยันเอกสาร และยังมีค่ารักษาบัญชีซึ่งในกรณีผู้ลงทุนสถาบันอาจมีอำนาจของดเว้นการจ่ายได้ รวมทั้ง ต้องมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงค่าเงินกับธนาคารพาณิชย์เพื่อล็อคระดับผลตอบแทนในอนาคต และที่สำคัญ ฐานะทางการเงินของธนาคาร ในต่างประเทศและอัตราดอกเบี้ยที่เสนออาจเปลี่ยนแปลงไปจนไม่เหมาะสมกับการลงทุนได้ การลงทุนผ่านกองทุนรวมจะช่วยลดค่าใช้จ่ายเหล่านี้ลงได้ นอกจากนี้ ยังมีการวิเคราะห์ติดตามคุณภาพของตราสารที่ลงทุน การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นจึงเหมาะสมกับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ไม่มาก หรือเหมาะสมสำหรับการลงทุนเพื่อรักษาเงินต้นในยามที่ตลาดตราสารทุนมีความผันผวนสูง
ย้อนกลับ
วางแผนการลงทุน
เริ่มต้นการลงทุน
เรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุน
วางแผนเพื่อลดหย่อนภาษี
แบบทดสอบระดับความเสี่ยง
คำนวณเงินลงทุนใน SSF
คำนวณเงินลงทุนใน RMF
@ccess Mobile Application
ทำรายการกองทุนสะดวกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
เลือกกองทุนที่คุณสนใจ
-
คุกกี้
เว็บไซต์ของบริษัทมีการจัดเก็บข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบคุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้นให้แก่คุณ รวมถึงนำเสนอเนื้อหา และประชาสัมพันธ์สิทธิประโยชน์ที่ตรงกับความต้องการ การกดปุ่ม
“ตกลงทั้งหมด”
จะช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์เต็มรูปแบบในการใช้งานเว็บไซต์ของบริษัท ทั้งนี้ คุณสามารถกำหนดการตั้งค่าคุกกี้แต่ละประเภทได้ตามที่คุณต้องการโดยกดปุ่ม
“ตั้งค่าคุกกี้”
โดยคุณสามารถคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ประกาศการใช้งานคุกกี้
ของบริษัท
×
คุกกี้
คุกกี้ที่มีความจำเป็นต่อการใช้งานเว็บไซต์
Always Active
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการทำงานขั้นพื้นฐานของเว็บไซต์ ตัวอย่างเช่น การจดจำหน้าเว็บไซต์ที่คุณเข้าใช้งานล่าสุด การสำรวจหน้าเว็บไซต์ การจดจำรหัสของผู้เข้าใช้งาน หรือ ทำให้ผู้เข้าชม/ผู้ใช้เว็บไซต์เข้าสู่ระบบและสามารถเข้าถึงส่วนของเว็บไซต์ที่ถูกสงวนสิทธิ์ไว้สำหรับสมาชิกเท่านั้น เว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องหากไม่มีการเก็บรวบรวมคุกกี้เหล่านี้ การจัดเก็บคุกกี้ประเภทนี้จึงไม่มีความจำเป็นต้องขอความยินยอมจากคุณเพราะคุกกี้ประเภทนี้ไม่ได้มีการจัดเก็บข้อมูลซึ่งสามารถระบุตัวตนของคุณได้อย่างเฉพาะเจาะจงแต่อย่างใด
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์
คุกกี้ประเภทนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ ตัวอย่างเช่น การจดจำการตั้งค่าภาษา ภูมิภาค ขนาดตัวอักษรของคุณในการใช้งานเว็บไซต์ นับจำนวนและแหล่งที่มาของผู้เข้าชม/ผู้ใช้เว็บไซต์ เพื่อให้ทราบว่าผู้เข้าชม/ผู้ใช้เว็บไซต์มีการปฏิสัมพันธ์กับหน้าเว็บไซต์อย่างไร และหน้าเว็บไซต์ใดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดหรือน้อยที่สุด โดยการเก็บรวบรวมและการรายงานข้อมูลโดยไม่ระบุตัวตนของคุณอย่างไม่เฉพาะเจาะจงจะช่วยให้สามารถพัฒนาและมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ที่ดียิ่งขึ้น หากคุณไม่อนุญาตให้ใช้คุกกี้ประเภทนี้ อาจทำให้ไม่ทราบได้ว่าคุณเคยเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์เมื่อใดและไม่สามารถติดตามประสิทธิภาพการประมวลผลของหน้าเว็บไซต์ได้
คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูล
คุกกี้ประเภทนี้จะทำให้เว็บไซต์สามารถตอบสนองตามความพึงพอใจของคุณ โดยทำให้เราทราบถึงพฤติกรรมในการเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ รวมถึงรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการเข้าใช้งานเว็บไซต์ ตัวอย่างเช่น สามารถจดจำการเข้าใช้งานเว็บไซต์ได้สำหรับคุณในครั้งถัดไป ทำให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาสิ่งที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย และช่วยให้เราเข้าใจถึงความสนใจของผู้ใช้ และวัดประสิทธิผลของโฆษณาของเรา คุกกี้ประเภทนี้อาจถูกติดตั้งไว้โดยบริษัทหรือผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลที่สาม หากคุณไม่อนุญาตให้ใช้คุกกี้ประเภทนี้ การให้บริการบางอย่างของเว็บไซต์อาจไม่สามารถประมวลผลได้อย่างถูกต้อง
คุกกี้สำหรับสื่อสังคมออนไลน์
คุกกี้ประเภทนี้สำหรับฟังก์ชั่นการกดไลค์ แชร์ หรือสมัครสมาชิกบนเว็บไซต์ที่เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์
คุณยืนยันลบข้อมูลการเก็บคุกกี้ของเว็บไซต์ของบริษัท ซึ่งไม่รวมถึงการจัดเก็บของบุคคลที่สาม เช่น Chrome, Firefox, Internet Explorer, Safari ฯลฯ ที่คุณต้องไปดำเนินการด้วยตนเอง