Flash Update


Flash Update 14 มกราคม 2565

14/01/2565

สรุปประเด็นสำคัญ

  • ตลาดหุ้นทั่วโลกถูกกดดันจากแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ แต่ด้วยถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) และเงินเฟ้อที่ไม่สูงกว่าคาด ทำให้คลายความกังวลและตลาดเริ่มฟื้นตัว
  • เงินเฟ้อมีแนวโน้มผ่อนคลายลงในไตรมาส 2 ขณะที่ US Bond Yield ขึ้นได้อีกอย่างจำกัด
  • พื้นฐานหุ้นกลุ่ม Technology และ Growth ไม่ได้เปลี่ยนแปลง ราคาเป้าหมายของหลายบริษัทยังคงถูกปรับขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการลดสัดส่วนการลงทุนหุ้นกลุ่ม Technology และ Growth ลง ควรรอตลาดฟื้นตัวก่อน สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางถึงสูง ควรถือต่อเพื่อรอรับการเติบโต

สถานการณ์ตลาด

  • ตลาดหุ้นทั่วโลกถูกกดดันตั้งแต่ต้นปี หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนธันวาคม 2564 ซึ่งชี้ถึงการลดระดับการผ่อนคลายทางการเงินเร็วกว่าที่ตลาดคาด ทั้งแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย และส่งสัญญาณการลดขนาดงบดุล
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (US Bond Yield) อายุ 10 ปี ได้ตอบสนองต่อข่าว ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากประมาณ 1.5% สู่ระดับเหนือกว่า 1.7% และส่งผลให้หุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี (Technology) และหุ้นเติบโต (Growth)
  • อย่างไรก็ดี ถ้อยแถลงของนายพาวเวล ประธาน Fed ในวันที่ 11 ม.ค. ไม่ได้ส่งสัญญาณเรื่องทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างไปจากเดิม อีกทั้งเมื่อวันที่ 12 ม.ค. อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐประกาศออกมาตามคาดการณ์ จึงช่วยคลายความกังวลต่อการขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้ภาพรวมตลาดหุ้นปรับตัวขึ้น และ US Bond Yield อายุ 10 ปี เริ่มปรับตัวลง

     มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

 
  • ทิศทางสถานการณ์หลังจากนี้ ผู้จัดการกองทุนมองว่า ปัญหาเรื่องการชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Disruption) กำลังดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง ผ่อนคลายลง โดยมองว่าเงินเฟ้ออยู่ในช่วงจุดสูงสุดแล้ว และกำลังจะเริ่มลดลงในไตรมาส 2
  • คาดการณ์ US Bond Yield อายุ 10 ปี ณ สิ้นปี 2565 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 2.04% ซึ่งปัจจุบันอยู่ราวๆ 1.7% แสดงว่าจะขึ้นได้อีกไม่มากจากระดับ Yield ปัจจุบัน
  • เงินเฟ้อที่จะผ่อนคลายลงในไตรมาส 2 และ US Bond Yield ที่ขึ้นได้อีกจำกัด จึงมองว่าสถานการณ์ตลาดหุ้นจะกลับมาดีขึ้นในที่สุด แต่ระยะสั้นยังคงเผชิญความผันผวนอยู่ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม Technology และหุ้นเติบโต Growth
  • มุมมองต่อกองทุนที่ลงทุนหุ้นกลุ่ม Technology และหุ้นเติบโต (Growth Stock)
    • ผู้จัดการกองทุน มองว่าพื้นฐานหุ้นกลุ่ม Technology และหุ้นเติบโต Growth ไม่ได้เปลี่ยนแปลง การเติบโตของกลุ่มหุ้นดังกล่าวยังดำเนินได้ดีอย่างต่อเนื่อง และมีระดับกำไรสูงกว่าตลาด
    • สำหรับหุ้น Top Holding ของกองทุนรวมที่เน้นหุ้นกลุ่ม Technology และกลุ่ม Growth ไม่ว่าจะเป็นกองทุน KFINNO-A, KFGTECH-A, KFHTECH-A, KFUS-A และ KFGG-A มีการปรับราคาพื้นฐาน หรือราคาเป้าหมาย (Target Price) ขึ้นค่อนข้างสูงในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาที่ราคากองทุนปรับลดลง ราคาเป้าหมายของหลายบริษัทก็ยังคงถูกปรับขึ้น
    • ราคา NAV ที่ปรับตัวลงของกองทุนดังกล่าว เป็นผลมาจาก Bond Yield ที่ปรับตัวขึ้นมาเป็นสำคัญ แต่มองว่าการปรับขึ้นจะเริ่มช้าลง และในไตรมาส 2 ทิศทางดอกเบี้ยจะผ่อนคลายมากขึ้น จากอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มลดลง
    • ทิศทางหลังจากนี้ มองว่าหุ้นกลุ่มนี้ยังคงเติบโตได้ แต่ความผันผวนจะยังอยู่ในระดับสูง จึงแนะนำให้ลงทุนในระดับสัดส่วนที่รับความเสี่ยงได้ และเน้นกระจายการลงทุนไปในหลายประเทศ และหลายกลุ่มอุตสาหกรรม
    • สำหรับผู้ที่ต้องการขายหรือลดสัดส่วนการลงทุนในกองทุนดังกล่าวลง ยังไม่แนะนำในช่วงนี้ เนื่องจากตลาดปรับตัวลงมามาก ซึ่งโดยปกติหุ้นกลุ่ม Technology และ Growth จะมีการฟื้นตัว หรือ Rebound ได้แรง ดังนั้นหากต้องการลดสัดส่วนการลงทุนในกองทุนดังกล่าวควรรอขายในจังหวะที่หุ้นฟื้นตัว
    • ผู้ที่รับความผันผวนได้ปานกลางถึงสูง สามารถลงทุนต่อไปได้ เพื่อรอรับการเติบโต หรือ Upside ที่อยู่ในระดับสูง
    • ควรเลือกและให้น้ำหนักการลงทุนกองทุนตามความเสี่ยงที่รับได้ (High Risk High Return) เรียงจากความผันผวนมากไปหาน้อย คือ
                                         1. KFINNO-A
                                         2. KFGTECH-A / KFUS-A
                                         3. KFGG-A / KFHTECH-A

 


นโยบายการลงทุนและคำเตือน

  • KFINNO-A ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ Nikko AM ARK Disruptive Innovation Fund, Class A (USD) (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี ≥ 80% ของ NAV ระดับความเสี่ยง 6 - เสี่ยงสูง | ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
  • KFGTECH-A ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ T. Rowe Price Funds SICAV – Global Technology Equity Fund (Class Q) (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี ≥ 80% ของ NAV ระดับความเสี่ยง 7 - เสี่ยงสูง | ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน จึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ | กองทุนลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก l ผู้ลงทุนควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนทำการลงทุน
  • KFHTECH-A ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ BGF World Technology Fund (Class D2 USD) (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี ≥ 80% ของ NAV ระดับความเสี่ยง 7 - เสี่ยงสูง | ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน | กองทุนลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก | ผู้ลงทุนควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนทำการลงทุน
  • KFUS-A ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ Baillie Gifford Worldwide US Equity Growth Fund, Class B Acc (USD) (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี ≥ 80% ของ NAV ระดับความเสี่ยง 6 - เสี่ยงสูง | ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน จึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
  • KFGG-A ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ Baillie Gifford Worldwide Long Term Global Growth Fund, Class B USD Acc (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี ≥ 80% ของ NAV ระดับความเสี่ยง 6 ข เสี่ยงสูง | ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน (โดยปกติกองทุนจะป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย ≥ 90% ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ)
  • เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือ และ ความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
  • ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ข้อมูลกองทุน คลิก: KFINNO-A | KFGTECH-A | KFHTECH-A | KFUS-A | KFGG-A
หากท่านมีข้อสงสัย หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือขอดูหนังสือชี้ชวน โปรดติดต่อ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรีจำกัด โทร 0 2657 5757 หรืออีเมล krungsriasset.clientservice@krungsri.com
เอกสารประกอบเปิดด้วยโปรแกรม Acrobat Reader หากท่านไม่มีโปรแกรมดังกล่าว คลิกเพื่อ ดาวน์โหลด โปรแกรม (ไม่มีค่าใช้จ่าย)

ย้อนกลับ

ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน