สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
31/01/2567

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกลบผสมผสาน ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ก่อนที่ตลาดจะรู้ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงอัลฟาเบทและไมโครซอฟท์
  • สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน เพิ่มขึ้น 101,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 9.026 ล้านตำแหน่งในเดือน ธ.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 8.750 ล้านตำแหน่ง
  • จากการตัวเลขการเปิดรับสมัครงานของสหรัฐที่ออกมาสูงเกินคาดสะท้อนให้เห็นว่า ตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่งมากเกินกว่าที่เฟดจะพิจารณาการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. 
  • FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 100% ต่อคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมครั้งนี้
  • บริษัท เจเนอรัล มอเตอร์ (GM) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2566 อยู่ที่ 1.24 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.16 ดอลลาร์ บริษัท ไฟเซอร์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยว่ารายได้จากการจำหน่ายยาและวัคซีนที่ใช้รักษาโรคโควิด-19 ปรับตัวลดลงในไตรมาส 4/2566
  • หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น หลังจากหุ้นซิตี้กรุ๊ปและหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้นกว่า 3% โดยได้แรงหนุนจากการที่นักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นธนาคารทั้งสองแห่ง
  • ดัชนีหุ้นกลุ่มขนส่งซึ่งมีความอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจ ปรับตัวลงหลังจากบริษัทยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส (UPS) ซึ่งเป็นบริษัทจัดส่งพัสดุภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยว่า ปริมาณการจัดส่งพัสดุภัณฑ์ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศปรับตัวลดลงในไตรมาส 4/2566 พร้อมกับปรับลดคาดการณ์รายได้ในปีงบการเงิน 2567
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่ตลาดหุ้นฝรั่งเศสแตะระดับสูงสุดครั้งใหม่เป็นประวัติการณ์
  • ข้อมูลจาก LSEG (London Stock Exchange Group) ระบุว่า ผลประกอบการในไตรมาส 4/2566 ของบริษัทในดัชนี STOXX 600 นั้นคาดว่าอาจลดลง 8.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วคาดว่าอาจลดลง 8.8%
  • เศรษฐกิจยูโรโซนในไตรมาส 4/66 ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า หลังจากหดตัว 0.1% ในไตรมาส 3/66 และดีกว่าที่ตลาดคาดว่าอาจหดตัว 0.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้า เศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัว 0.1% ซึ่งเศรษฐกิจยูโรโซนสามารถหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยได้ในทางเทคนิคในไตรมาส 4/2566
  • ด้านดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยูโรโซนลดลงสู่ 96.2 ในเดือน ม.ค. จาก 96.4 ในเดือน ธ.ค.
  • เศรษฐกิจสเปนขยายตัว 0.6% และเศรษฐกิจฝรั่งเศสไม่มีการขยายตัว ส่วนเศรษฐกิจเยอรมนีหดตัวในไตรมาส 4 ซึ่งทำให้นักเศรษฐศาสตร์เตือนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนลบ โดยบรรยากาศการซื้อขายได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีน หลังจากศาลสูงฮ่องกงมีคำสั่งให้บริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ยุติกิจการและขายสินทรัพย์
  • ศาลสูงฮ่องกงมีคำสั่งให้บริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจีน ยุติกิจการและขายสินทรัพย์เพื่อนำเงินมาใช้หนี้ที่สูงถึง 2.39 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 3.33 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งตัวในกรอบแคบๆ ทั้งในแดนบวกและลบ ปิดปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่ และนักลงทุนรอดูสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยของเฟดจากการประชุมในสัปดาห์นี้ ในขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคส่วนใหญ่ปิดปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงปิดปรับตัวลงค่อนข้างแรง จากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน หลังศาลสูงฮ่องกงมีคำสั่งให้บริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ยุติกิจการและขายสินทรัพย์

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

จากการที่ตัวเลขด้านแรงงานอย่าง JOLTS ซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสนใจ โดยมองว่าเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานประกาศออกมาดีกว่าคาดการณ์ ช่วยสนับสนุนมุมมองที่ว่า อาจจะยังเร็วเกินไปที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,467.31 จุด เพิ่มขึ้น 133.86 จุด หรือ +0.35%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,924.97 จุด ลดลง 2.96 จุด หรือ -0.06% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,509.90 จุด ลดลง 118.15 จุด หรือ -0.76%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 485.63 จุด เพิ่มขึ้น 0.79 จุด หรือ +0.16%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ระดับ 2,830.53 จุด ลดลง 52.83 จุด หรือ -1.83%
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 6.30 ดอลลาร์ หรือ 0.31% ปิดที่ 2,050.90 ดอลลาร์/ออนซ์
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 1.04 ดอลลาร์ หรือ 1.35% ปิดที่ 77.82 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,373.14 ลบ 3.14 จุด (-0.23%)  Trading Volume: 42,491.74 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย สำหรับตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (-0.56%) ตามด้วยกลุ่มพาณิชย์ (-0.18%) และกลุ่มธนาคาร (-0.60%) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,396.64 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับลดลง 1-2 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1 bp
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 1-2 bps
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 1-2 bps
      • IRS SWAP ปิดปรับลดลง 1 bp   
    • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 33,533.99 ล้านบาท  นักลงทุนต่างชาติซื้ขายสุทธิ 3,520.53 ล้านบาท
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน