สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
25/04/2567

ปัจจัยสำคัญ

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดผสมผสาน เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐส่งผลกระทบต่อการซื้อขายในตลาด โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีทะยานขึ้นเหนือระดับ 4.67% เมื่อคืนนี้ และได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน
  • ท้อดด์ มอร์แกน ประธานบริษัท Bel Air Investment Advisors กล่าวว่า การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยกดดันตลาด โดยนับตั้งแต่ต้นปีนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นไปแล้ว 0.70% และหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้นจนถึงระดับ 5% ก็จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอย่างรุนแรงในระยะสั้น
  • หุ้นเทสลา ทะยานขึ้น 12% หลังจากนายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสลากล่าวว่า บริษัทอาจเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่มีราคาถูกเร็วกว่าที่กำหนดไว้ โดยอาจเริ่มดำเนินการในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า
  • หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ปรับตัวลง 0.5% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการหลังจากตลาดปิดทำการ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายอื่นๆ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงไมโครซอฟท์ และอัลฟาเบท
  • คำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.6% จากเดือนก่อนหน้าในเดือน มี.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือน ก.พ.  ส่วนคำสั่งซื้อสินค้าทุนพื้นฐาน ซึ่งบ่งชี้ถึงการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น 0.3% จากเดือนก่อนหน้า หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือน ก.พ.
  • นักลงทุนรอติดตามการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2567 ของสหรัฐในวันนี้ (25 เม.ย.) และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์ (26 เม.ย.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบหลังจากปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ในช่วงแรก โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มธนาคารที่ร่วงลง หลังนักลงทุนผิดหวังกับการเปิดเผยผลประกอบการ
    • หุ้นกลุ่มธนาคาร ร่วงลง 1.2% โดยหุ้นธนาคารฮันเดิลสบังเกนทรุด 12.1% หลังเปิดเผยกำไรสุทธิไตรมาสแรกต่ำกว่าคาด และหุ้นธนาคาร SEB ร่วง 3.7% หลังเปิดเผยรายได้จากอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าคาดในไตรมาสแรก
    • หุ้นกลุ่มการเงิน ร่วง 2% โดยหุ้นออลฟันด์ ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนของอังกฤษ ร่วง 11% หลังมีรายงานว่า บริษัทยกเลิกการเจรจาเกี่ยวกับแนวโน้มการขายกิจการ หุ้นยูบีเอส ร่วงลง 2.9% หลังผู้บริหารของธนาคารแสดงความวิตกเกี่ยวกับแผนการของรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ที่จะออกข้อกำหนดด้านทุนสำรองที่เข้มงวดมากขึ้น
  • ข้อมูลจาก LSEG (London Stock Exchange Group) บ่งชี้ว่า บริษัท 34 แห่งในดัชนี STOXX 600 รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกออกมาแล้ว โดย 61.8% รายงานผลประกอบการสูงเกินคาด เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 54%
  • ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน สู่ระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือนที่ 89.4 ในเดือน เม.ย. โดยได้แรงหนุนจากความคาดหวังว่าธนาคารกลางยุโรปจะประกาศลดดอกเบี้ยและแรงกดดันเงินเฟ้อค่อยๆ ลดลง   
  • ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดบวกเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีญี่ปุ่นหลังจากที่หุ้นกลุ่มเดียวกันปรับตัวขึ้นในตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนก่อนหน้า (23 เม.ย.) ตลอดจนขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบางบริษัทในกลุ่มนี้ ส่งผลให้นิกเกอิฟื้นกลับมาแตะระดับ 38,000 จุดอีกครั้ง
  • นักลงทุนรอติดตามการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และแถลงมติอัตราดอกเบี้ยในวันศุกร์ (26 เม.ย.)
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวก ขณะที่นักลงทุนรอติดตามข้อมูลเศรษฐกิจจีน โดยทางการจีนมีกำหนดเปิดเผยกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือน มี.ค. ในวันเสาร์ (27 เม.ย.) และจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือน เม.ย. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือน เม.ย. ในวันอังคาร (30 เม.ย.)
  • ตลาดหุ้นไทยปิดบวกโดยซื้อขายในแดนบวกเกือบตลอดทั้งวัน ปิดปรับตัวสูงขึ้น แต่ปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคที่ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

สัปดาห์นี้ ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม คือ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดใช้พิจารณากำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก แนะนำทยอยสะสมเมื่อผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond Yield) อยู่เหนือระดับ 4.6% อีกครั้ง เพื่อคาดหวังผลตอบแทนที่ดีหากดอกเบี้ยปรับลดลงตามคาดการณ์

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,460.92 จุด ลดลง 42.77 จุด หรือ -0.11%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,071.63 จุด เพิ่มขึ้น 1.08 จุด หรือ +0.02% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,712.75 จุด เพิ่มขึ้น 16.11 จุด หรือ +0.10%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 505.61 จุด ลดลง 2.18 จุด หรือ -0.43%
    • ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 38,460.08 จุด พุ่งขึ้น 907.92 จุด หรือ +2.42%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,044.82 จุด เพิ่มขึ้น 22.84 จุด หรือ +0.76%
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย. ลดลง 55 เซนต์ หรือ 0.66% ปิดที่ 82.81 ดอลลาร์/บาร์เรรล
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน มิ.ย. ลดลง 3.70 ดอลลาร์ หรือ 0.16% ปิดที่ 2,338.40 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,361.10 บวก 3.64 จุด (+0.27%) Trading Volume: 38,553.81 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มธนาคาร (-0.20%) ตามด้วยกลุ่มพลังงาน (+0.02%) และกลุ่มพาณิชย์ (+0.93%) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 456.32 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับขึ้น 1-2 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดแกว่งตัว 1-4 bps
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับขึ้น 1-2 bps
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับขึ้น 1-2 bps
      • IRS SWAP ปิดแกว่งตัว 1-6 bps
    • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 16,216.96 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,634.68 ล้านบาท
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศคุณภาพดี
คลิก:
KFSINCFX-A | KF-CSINCOM | KF-SINCOME | KFSINCRMF
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน