สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
24/04/2567

ปัจจัยสำคัญ

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดบวก ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1/2567 อยู่ที่ 2.62 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.15 ดอลลาร์ ส่งผลให้หุ้น GM ปิดตลาดพุ่งขึ้น 4.4%
  • หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี พุ่งขึ้น 1.86% และ 1.71% ตามลำดับ ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวลง 0.84%
  • ข้อมูลจาก FactSet ระบุว่า นับจนถึงวันอังคารที่ 23 เม.ย. มีบริษัทในดัชนี S&P500 รายงานผลประกอบการไปแล้วประมาณ 20% โดยในจำนวนนี้ มี 76% ที่รายงานผลประกอบการสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายอื่นๆ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงเมตา แพลตฟอร์มส์ อัลฟาเบท และไมโครซอฟท์
  • เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 50.9 ในเดือน เม.ย. จากระดับ 52.1 ในเดือน มี.ค. โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น ปรับตัวลงสู่ระดับ 49.9 จากระดับ 51.9 ในเดือน มี.ค. ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น ปรับตัวลงสู่ระดับ 50.9 จากระดับ 51.7 ในเดือน มี.ค.
  • ข้อมูลล่าสุดจาก LSEG (London Stock Exchange Group) ระบุว่า นักลงทุนในตลาดการเงินคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวมทั้งสิ้น 0.43% ในปีนี้ ลดลงจากที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ยโดยรวม 1.50% ในปีนี้
  • นักลงทุนรอติดตามการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์นี้ (26 เม.ย.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกโดยปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์ หลังได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน
  • หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 2.6% หลังบริษัท SAP รายงานรายได้จากธุรกิจคลาวด์ในไตรมาสแรกพุ่ง 24% สู่ระดับ 3.93 พันล้านยูโร (4.19 พันล้านดอลลาร์) โดยได้แรงหนุนจากความต้องการซอฟต์แวร์ด้านการวางแผนทรัพยากรธุรกิจ หุ้นกลุ่มค้าปลีก ปรับตัวขึ้น 2.2% โดยหุ้นเอชแอนด์เอ็ม (H&M) พุ่งขึ้น 4.2% หลังมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย
  • ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) แบบรวมของยูโรโซน ในเบื้องต้นเพิ่มขึ้นสู่ 51.4 ในเดือน เม.ย. จาก 50.3 ในเดือน มี.ค. โดย PMI ภาคบริการเพิ่มขึ้นสู่ 52.9 จาก 51.5 ในขณะที่ PMI ภาคการผลิตลดลงสู่ 45.6 จาก 46.1
  • ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคบริการและการผลิตขั้นต้นของอังกฤษ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 54.0 ในเดือน เม.ย. จาก 52.8 ในเดือน มี.ค. โดยดัชนี PMI ภาคบริการขั้นต้นปรับขึ้นสู่ระดับ 54.9 ในเดือน เม.ย. จาก 53.1 ในเดือน มี.ค. ขณะที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตปรับลดลงสวนทาง สู่ระดับ 48.7 ในเดือน เม.ย. จาก 50.3 ในเดือน มี.ค.
  • ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดบวก โดยได้แรงซื้อหลังจากที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกเมื่อคืนก่อนหน้า (22 เม.ย.) ขณะที่นักลงทุนคลายวิตกเรื่องวิกฤตความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่เป็นปัจจัยฉุดตลาดหุ้นญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ นักลงทุนรอดูผลประกอบการของบริษัทใหญ่ในสหรัฐฯ เช่น เทสลา และเมตา แพลตฟอร์ม ที่จะรายงานในสัปดาห์นี้ ตลอดจนผลประกอบการของบริษัทญี่ปุ่น เช่น ผู้ผลิตอุปกรณ์ทดสอบเซมิคอนดักเตอร์อย่าง แอดวานเทสต์
  • PMI แบบรวมของญี่ปุ่น ในเบื้องต้นเพิ่มขึ้นสู่ 52.6 ในเดือน เม.ย. จาก 51.7 ในเดือน มี.ค. โดย PMI ภาคการผลิตเพิ่มขึ้นสู่ 49.9 จาก 48.2 และ PMI ภาคบริการเพิ่มขึ้นสู่ 54.6 จาก 54.1
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบ โดยตลาดถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นวัฏจักร (Cyclical Stocks) ซึ่งเป็นหุ้นที่ปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจ เช่น หุ้นกลุ่มโลหะ หุ้นกลุ่มถ่านหิน ที่ปรับตัวลง ขณะที่ยูบีเอสปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุน (Overweight) ของตลาดหุ้นจีน โดยระบุว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นจีนฟื้นตัว แม้มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาคอสังหาริมทรัพย์ และเศรษฐกิจมหภาคของจีนก็ตาม
  • ตลาดหุ้นไทยปิดบวกโดยซื้อขายในแดนบวกตลอดทั้งวัน ปิดปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า ทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาค เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

  • ดัชนี PMI ของสหรัฐฯ ถึงแม้ว่าจะยังอยู่เหนือระดับ 50 แต่มีแนวโน้มลดลงจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐเริ่มชะลอตัวลง และอาจเป็นตัวเร่งให้เฟดพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า
  • ในระยะสั้น ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งมีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง และรายได้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 1/24 ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด ทั้งนี้ ควรใช้ความระมัดระวังในการลงทุน และแบ่งเงินลงทุนตามหลัก Money Management ที่สามารถรับได้

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,503.69 จุด เพิ่มขึ้น 263.71 จุด หรือ +0.69%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,070.55 จุด เพิ่มขึ้น 59.95 จุด หรือ +1.20% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,696.64 จุด เพิ่มขึ้น 245.33 จุด หรือ +1.59%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 507.79 จุด เพิ่มขึ้น 5.48 จุด หรือ +1.09%
    • ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 37,552.16 จุด เพิ่มขึ้น 113.55 จุด หรือ +0.30%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,021.98 จุด ลดลง 22.62 จุด หรือ -0.74%
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.46 ดอลลาร์ หรือ 1.78% ปิดที่ 83.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน มิ.ย. ลดลง 4.30 ดอลลาร์ หรือ 0.18% ปิดที่ 2,342.10 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,357.46 บวก 7.94 จุด (+0.59%) Trading Volume: 46,656.12 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายค่อนข้างน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มธนาคาร (-0.22%) ตามด้วยกลุ่มพลังงาน (+0.68%) และกลุ่มพาณิชย์ (+0.84%) นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,231.91 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับลดลง 1 bp แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1 bp
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 1 bp
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 1 bp
      • IRS SWAP ปิดปรับลดลง 1-4 bps
    • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 46,672.79 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 11.10 ล้านบาท
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน