สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
23/02/2567

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดบวก ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นทะลุระดับ 39,000 จุดเป็นครั้งแรกและปิดทำนิวไฮ ขณะที่ดัชนี S&P ปิดทำนิวไฮเช่นกันและทำสถิติพุ่งขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 13 เดือน ส่วนดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 1 ปี
  • การซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากบริษัทอินวิเดียเปิดเผยรายได้พุ่งขึ้น 265% ในไตรมาส 4 ของปีงบการเงิน 2567 พร้อมกับคาดการณ์ว่ารายได้จะปรับตัวขึ้นอีกในไตรมาสปัจจุบัน โดยได้รับแรงหนุนจากกระแสความนิยมในชิปที่ใช้กับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)
  • ผลประกอบการที่แข็งแกร่งช่วยหนุนหุ้นอินวิเดียทะยานขึ้น 16.40% และยังเป็นแรงส่งให้หุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูงในกลุ่ม Magnificent Seven พุ่งขึ้นถ้วนหน้า โดยหุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 2.3% หุ้นแอปเปิ้ล ดีดขึ้น 1.2% หุ้นอัลฟาเบท บวก 1% หุ้นอะเมซอน พุ่งขึ้น 3.5% หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 1.3% และหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ พุ่งขึ้น 3.8%
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 12,000 ราย สู่ระดับ 201,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์ และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 217,000 ราย
  • เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 51.4 ในเดือน ก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 52.0 ในเดือน ม.ค. ทั้งนี้ดัชนี PMI ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคธุรกิจสหรัฐ
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก โดยดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ และทำลายสถิติสูงสุดที่เคยทำไว้ในเดือน ม.ค. 2565
  • หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 3% หลังจากที่หุ้นอินวิเดียของสหรัฐทะยานขึ้น 15% ที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กหลังรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่ง 12.4% แล้วในปีนี้ และอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 23 ปี โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของบริษัทเอสเอพีและบริษัทเอเอสเอ็มแอล โฮลดิง ซึ่งต่างก็ได้แรงหนุนจากกระแสนิยมด้าน AI
  • ผู้กำหนดนโยบายของ ECB เห็นพ้องกันในเดือน ม.ค.ว่า เงินเฟ้อกำลังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ แม้ยังเร็วเกินไปที่จะหารือเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เมื่อพิจารณาจากการขยายตัวของค่าจ้างอย่างรวดเร็วและแรงกดดันด้านราคาที่ยังมีอยู่อย่างมาก
  • เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซน จากฮัมบูร์ก คอมเมอร์เชียล แบงก์ (HCOB) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 48.9 ในเดือน ก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน จากระดับ 47.9 ในเดือน ม.ค. ด้านดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น ปรับตัวลงสู่ระดับ 46.1 ในเดือน ก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 46.6 ในเดือน ม.ค. ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50.0 ในเดือน ก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน จากระดับ 48.4 ในเดือน ม.ค.
  • ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดบวก แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์วานนี้ (22 ก.พ.) โดยพุ่งสูงทุบสถิติปี 2532 ได้สำเร็จ เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่าบรรดาบริษัทจดทะเบียนจะรายงานผลประกอบการสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ และญี่ปุ่นจะกลับมาเติบโตอย่างมั่นคงอีกครั้ง
  • รัฐบาลญี่ปุ่นปรับลดมุมมองของเศรษฐกิจในเดือน ก.พ. เป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคซบเซา ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นถึงอุปสรรคในการออกจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ท่ามกลางการเติบโตของอัตราค่าจ้างที่ชะลอตัวและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ย่ำแย่ โดยการปรับลดมุมมองเศรษฐกิจดังกล่าวมีขึ้นหลังทางการญี่ปุ่นเปิดเผยข้อมูลเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างเหนือความคาดหมายในไตรมาส 4/2566 เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอ ทำให้ญี่ปุ่นสูญเสียสถานะการเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกให้กับเยอรมนี
  • PMI แบบรวมของญี่ปุ่นในเบื้องต้นลดลงสู่ 50.3 ในเดือน ก.พ. จาก 51.5 ในเดือน ม.ค. โดย PMI ภาคการผลิตลดลงสู่ 47.2 จาก 48.0 และ PMI ภาคบริการลดลงสู่ 52.5 จาก 53.1
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวก โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) หลังจากบริษัทอินวิเดีย (Nvidia) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด และเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ที่สูงเกินคาดเช่นกัน ทั้งนี้ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นจีนผันผวนในระหว่างวัน หลังจากมีรายงานว่าคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) สั่งห้ามนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ขายหุ้นในช่วงที่ตลาดเปิดและปิดทำการในแต่ละวัน
  • ตลาดหุ้นไทยปิดบวกโดยซื้อขายในแดนบวกตลอดทั้งวัน ปิดตลาดปรับตัวสูงขึ้นที่เหนือระดับ 1,400 จุด ทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ทั่วโลก และดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส์ที่ปรับตัวสูงขึ้น หลังหุ้น Nvidia ของสหรัฐรายงานรายได้และผลกำไรสูงกว่าที่คาดมาก พร้อมทั้งให้มุมมองเป็นบวก    

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานออกมาต่ำกว่าคาด สะท้อนว่าตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง ประกอบกับในรายงานการประชุมประจำวันที่ 30 - 31 ม.ค. เฟดส่งสัญญาณไม่เร่งรีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย หากเงินเฟ้อยังไม่ปรับตัวลงสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน บลจ. มองว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงอีกสักระยะ แนะนำทยอยสะสมกองทุนตราสารหนี้ทั่วโลก เมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (bond yield) กลับมายืนเหนือระดับ 4.3% เพื่อคาดหวังผลตอบแทนจากส่วนต่างราคา (Capital Gain) หากเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยหลังจากนี้

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,069.11 จุด เพิ่มขึ้น 456.87 จุด หรือ +1.18%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,087.03 จุด เพิ่มขึ้น 105.23 จุด หรือ +2.11% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,041.62 จุด เพิ่มขึ้น 460.75 จุด หรือ +2.96%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 495.10 จุด เพิ่มขึ้น 4.05 จุด หรือ +0.82%
    • ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 39,098.68 จุด พุ่งขึ้น 836.52 จุด หรือ +2.19%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 2,988.36 จุด เพิ่มขึ้น 37.40 จุด หรือ +1.27%
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 70 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 78.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 3.60 ดอลลาร์ หรือ 0.18% ปิดที่ 2,030.70 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,402.47 บวก 8.86 จุด (+0.64%) Trading Volume: 51,341.29 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายปานกลาง โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (+0.37%) ตามด้วยกลุ่มธนาคาร (+0.54%) และกลุ่มการแพทย์ (+2.53%) นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,425.65 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับขึ้น 1-2 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดไม่เปลี่ยนแปลง
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับขึ้น 1-2 bps
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับขึ้น 1 bp
      • IRS SWAP ปิดไม่เปลี่ยนแปลง   
    • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,095.79 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 282.47 ล้านบาท     
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศคุณภาพดี
คลิก:
KFSINCFX-A | KF-CSINCOM | KF-SINCOME | KFSINCRMF
 
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน