สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
21/03/2567

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดพุ่งขึ้นหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ย และยังคงส่งสัญญาณว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำนวน 3 ครั้งในปีนี้
  • เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25 - 5.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ตามคาด ส่วนในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) นั้น เจ้าหน้าที่เฟดยังคงส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำนวน 3 ครั้งในปี 2567 โดยปรับลดครั้งละ 0.25% รวม 0.75% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมที่ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในการประชุมเดือน ธ.ค. 2566
  • ในการประชุมครั้งนี้ เฟดได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐขึ้นสู่ระดับ 2.1% 2.0% และ 2.0% ในปี 2567 2568 และ 2569 จากเดิมคาดการณ์ในเดือน ธ.ค. 2566 ที่ระดับ 1.4% 1.8% และ 1.9% ตามลำดับ พร้อมกับคาดการณ์อัตราว่างงานไว้ที่ระดับ 4.0% 4.1% และ 4.0% ในปี 2567 2568 และ 2569 จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 4.1% 4.1% และ 4.1% ตามลำดับ
  • นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวกับสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมว่า แม้ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐจะออกมาสูงเกินคาดเมื่อไม่นานมานี้ แต่ตัวเลขดังกล่าวไม่ได้เปลี่ยนแปลงมุมมองของเฟดที่ว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเล็กน้อย โดยถูกกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มสินค้าหรูหรา ขณะที่นักลงทุนชะลอการเข้าลงทุนลอตใหญ่เพื่อรอดูผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
  • อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น 3.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน ก.พ. ชะลอลงจากเพิ่มขึ้น 4.0% ในเดือน ม.ค. และต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าอาจเพิ่มขึ้น 3.5% ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้น 4.5% ชะลอลงจากเพิ่มขึ้น 5.1% ในเดือนก่อนหน้า และต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าอาจเพิ่มขึ้น 4.6%
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวก โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนยังคงขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาดของจีน
  • ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาดในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ถือเป็นหลักฐานล่าสุดที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลกเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งหลังจากรัฐบาลจีนประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีที่แล้ว
  • ธนาคารกลางจีนประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีไว้ที่ 3.45% และประเภท 5 ปีไว้ที่ 3.95% ตามคาด
  • ตลาดหุ้นไทยวานนี้เปิดตลาดปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย แต่หลังจากผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมง ดัชนีกลับร่วงลงซื้อขายในแดนลบตลอดช่วงที่เหลือของวัน ปิดตลาดปรับตัวลดลง โดยแรงขายของนักลงทุนต่างชาติยังคงเป็นผลจากการปรับโครงสร้างการถือหุ้นของ AWC ในขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคมีทั้งปิดบวกและลบ เนื่องจากนักลงทุนยังคงรอดูผลการประชุมเฟดซึ่งอาจมีสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐ

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนั้น เป็นไปตามที่คาดการณ์ อีกทั้งยังคงแสดงความชัดเจนเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปีนี้ บวกกับที่นายเจอโรม พาวเวล แถลงชี้นำไปทางพร้อมจะลดอัตราดอกเบี้ยถึงแม้ตัวเลขเงินเฟ้อจะยังคงไม่ต่ำถึงเป้าหมายก็ตาม จากภาพดังกล่าวหนุนให้ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในหุ้น

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,512.13 จุด เพิ่มขึ้น 401.37 จุด หรือ +1.03%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,224.62 จุด เพิ่มขึ้น 46.11 จุด หรือ +0.89% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,369.41 จุด เพิ่มขึ้น 202.62 จุด หรือ +1.25%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 505.21 จุด ลดลง 0.02 จุด หรือ -0.004%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ระดับ 3,079.69 จุด เพิ่มขึ้น 16.93 จุด หรือ +0.55%
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์ หรือ 0.06% ปิดที่ 2,161.00 ดอลลาร์/ออนซ์
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 1.79 ดอลลาร์ หรือ 2.14% ปิดที่ 81.68 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,373.18 ลบ 9.28 จุด (-0.67%) Trading Volume: 54,666.79 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายปานกลาง โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (-0.87%) ตามด้วยกลุ่มพาณิชย์ (-1.26%) และกลุ่มธนาคาร (-0.38%) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 20,073.06 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดแกว่งตัว 1 bp แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดไม่เปลี่ยนแปลง
      • อายุ >5-10 ปี ปิดแกว่งตัว 1 bp
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดแกว่งตัว 1 bp
      • IRS SWAP ปิดไม่เปลี่ยนแปลง 
    • นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 778.86 ล้านบาท  นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,586.35 ล้านบาท 
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน