สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
21/02/2567

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดลบ นำโดยดัชนี Nasdaq ร่วงลงเกือบ 1% ถูกกดดันจากหุ้นอินวิเดียที่ดิ่งลงอย่างหนัก ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการ อย่างไรก็ดี การพุ่งขึ้นของหุ้นวอลมาร์ทช่วยให้ดัชนีดาวโจนส์ลดช่วงลบ
  • หุ้นอินวิเดียซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 4.35% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงในวันเดียวที่มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค. 2566 ขณะที่หุ้นวอลมาร์ท พุ่งขึ้น 3.2% ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และช่วยให้ดัชนีดาวโจนส์ลดช่วงลบ หลังจากวอลมาร์ทเปิดเผยตัวเลขกำไรและรายได้ในเดือน พ.ย. 2566 - ม.ค. 2567 ซึ่งเป็นไตรมาส 4 ของปีงบการเงินบริษัท สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ บริษัทยังประกาศจ่ายเงินปันผลรายปีเพิ่มอีก 9%
  • หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 1.27% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวขึ้น 1.13%
  • นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีกำหนดกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 6 มี.ค. และจากนั้นจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันที่ 7 มี.ค. โดยนักลงทุนรอติดตามถ้อยแถลงของนายพาวเวลในครั้งนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ก่อนที่การประชุมนโยบายการเงินของเฟดครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 19 – 20 มี.ค.
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ โดยตลาดถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐาน ที่ร่วงลง 1.8% และหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 1.1% เนื่องจากราคาน้ำมันลดลงท่ามกลางแนวโน้มอุปสงค์ที่ไม่แน่นอนทั่วโลก
  • หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นเทเมนอส ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ร่วงลง 5.6% หลังคาดการณ์การขยายตัวของผลประกอบการชะลอตัวลงในปีนี้
  • ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยว่า การขยายตัวของค่าแรงในยูโรโซนชะลอตัวลงในไตรมาส 4/2566 ซึ่งยืนยันการคาดการณ์ที่ว่าการขยายตัวของค่าแรงได้แตะระดับสูงสุดแล้ว แม้ยังคงอยู่เหนือระดับเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% ก็ตาม
  • ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดลบ โดยแรงขายทำกำไรหลังจากดัชนีนิกเกอิพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 34 ปี ในช่วงที่ผ่านมา หุ้นที่ปรับตัวลงวานนี้นำโดยกลุ่มประกัน กลุ่มกระดาษและเยื่อกระดาษ รวมถึงกลุ่มเกษตรและการประมง และบดบังแรงซื้อหุ้นกลุ่มส่งออกซึ่งได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินเยนเมื่อเทียบกับดอลลาร์
  • มาซาฮิโระ ยามากูจิ หัวหน้าฝ่ายวิจัยการลงทุนของ SMBC Trust Bank กล่าวว่า ความคาดหวังสูงต่อผลประกอบการและแนวโน้มของบริษัทอินวิเดียยังกระตุ้นให้เกิดแรงซื้อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์ ก่อนการประกาศงบในวันนี้ (21 ก.พ.)
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวก ขานรับธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 5 ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 5 ปีลง 0.25% สู่ระดับ 3.95% ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยประเภทดังกล่าวเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2566 โดยอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปี เป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยระยะยาว เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง โดยการปรับลดครั้งนี้ สวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางจีนจะคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวไว้ที่ระดับ 4.20% และยังสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของธนาคารกลางจีนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์
  • ตลาดหุ้นไทยปิดลบ เปิดตลาดปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในช่วงประมาณ 5 นาทีแรก ก่อนที่จะพลิกลงซื้อขายในแดนลบตลอดช่วงที่เหลือของวัน ปิดตลาดปรับตัวลดลง โดยมีสาเหตุหลักจากแรงขายหุ้น DELTA ในขณะที่ ตลาดหุ้นในภูมิภาคมีทั้งปิดบวกและลบ 

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

ตลาดยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ โดยวันนี้ (21 ก.พ.) จะมีเพียงการเปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประจำวันที่ 30 - 31 ม.ค. เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ย ระยะสั้นคาดว่าสินทรัพย์เสี่ยงจะยังถูกขับเคลื่อนโดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง แนะนำหาโอกาสสะสมหุ้นกลุ่ม Defensive Quality ที่ราคายังอยู่ในโซนถูก ทั้งนี้ หากรับความเสี่ยงได้ไม่มาก แนะนำลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ทั่วโลก เพื่อคาดหวังผลตอบจากส่วนต่างราคา (capital gain) หากเฟดปรับลดดอกเบี้ยลง

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,563.80 จุด ลดลง 64.19 จุด หรือ -0.17%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,975.51 จุด ลดลง 30.06 จุด หรือ -0.60% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,630.78 จุด ลดลง 144.87 จุด หรือ -0.92%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 491.90 จุด ลดลง 0.49 จุด หรือ -0.1%
    • ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 38,363.61 จุด ลดลง 106.77 จุด หรือ -0.28%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 2,922.73 จุด เพิ่มขึ้น 12.19 จุด หรือ +0.42%
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ลดลง 1.01 ดอลลาร์ หรือ 1.28% ปิดที่ 78.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 15.70 ดอลลาร์ หรือ 0.78% ปิดที่ 2,039.80 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,381.07 ลบ 6.26 จุด (-0.45%) Trading Volume: 40,457.10 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายค่อนข้างน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (+0.07%) ตามด้วยกลุ่มธนาคาร (+0.63%) และกลุ่มพาณิชย์ (+1.63%) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 74.48 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับลดลง 1-2 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1 bp
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 1-2 bps
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 1 bp
      • IRS SWAP ปิดปรับลดลง 2-4 bps   
    • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 41,763.24 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 541.32 ล้านบาท  
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน