สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
20/02/2567

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์
  • หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ปรับตัวขึ้น 1% สู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี นำโดยหุ้นแอสตร้าเซนเนก้าซึ่งพุ่งขึ้น 3.2% หลังเปิดเผยว่ายารักษาโรคมะเร็งปอดของบริษัทได้รับการอนุมัติจากสำนักงานอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐ แต่หุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานปรับตัวลง 1% เนื่องจากราคาทองแดงร่วงลง หลังจีนคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลางและตลาดมุ่งความสนใจไปที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาของจีน
  • ธนาคารกลางเยอรมนี (บุนเดสแบงก์) ออกรายงานประจำเดือน ก.พ. ระบุว่า เศรษฐกิจเยอรมนีมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว เนื่องจากอุปสงค์ภายนอกประเทศมีความอ่อนแอ ขณะที่ผู้บริโภคยังคงมีท่าทีระมัดระวังในการใช้จ่าย และการลงทุนในประเทศถูกจำกัดจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในระดับสูง แต่คาดว่าตลาดแรงงานจะไม่ทรุดตัวลงอย่างรุนแรง หลังจากที่ได้พยุงเศรษฐกิจจนถึงขณะนี้ ซึ่งส่งผลให้เยอรมนีจะไม่เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในวงกว้างและยืดเยื้อแต่อย่างใด
  • นักลงทุนรอติดตามการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อและดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของยูโรโซน รวมถึง GDP ไตรมาส 4 ของเยอรมนีเพื่อประเมินสถานะทางเศรษฐกิจของยูโรโซน
  • ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดลบ โดยดัชนีอยู่ในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีตามตลาดหุ้นสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนบางรายเทขายทำกำไรหลังดัชนีพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 34 ปีเมื่อวันศุกร์ (16 ก.พ.) ที่ผ่านมา
  • มากิ ซาวาดะ นักกลยุทธ์ในแผนกการลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์โนมูระกล่าวว่า ตลาดหุ้นยังคงได้รับแรงหนุนจากการที่บริษัทในประเทศหลายรายเพิ่งปรับเพิ่มประมาณการในรายงานผลประกอบการตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
  • คำสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 2.7% จากเดือนก่อนหน้าในเดือน ธ.ค. ฟื้นตัวจากลดลง 4.9% ในเดือน พ.ย. โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อในภาคการผลิต
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวก ขานรับรายงานที่ว่ายอดการเดินทางท่องเที่ยวและการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจจีน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นจีนทรุดตัวลงอย่างหนักจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินฝืดและวิกฤตการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์
  • สถานีโทรทัศน์ CCTV รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีนว่า ยอดการเดินทางท่องเที่ยวทั่วประเทศจีนอยู่ที่ 474 ล้านครั้ง ในช่วงวันหยุดยาวตรุษจีน 8 วัน (10 - 17 ก.พ.) เพิ่มขึ้น 19% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 ขณะที่ยอดการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวในจีนเพิ่มขึ้นเกือบ 8% เมื่อเทียบกับปี 2562 แตะที่ระดับ 6.33 แสนล้านหยวน (8.8 หมื่นล้านดอลลาร์)
  • ธนาคารกลางจีนประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปีไว้ที่ 2.50% ตามคาด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดบวกแกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยเปิดตลาดปรับตัวลดลงเล็กน้อยในช่วงสั้นๆ ก่อนที่จะฟื้นตัวกลับมาแกว่งตัวในกรอบแคบๆ แดนบวกตลอดช่วงที่เหลือของวัน ปิดตลาดปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากตัวเลขจีดีพีของไทยที่รายงานออกมาใกล้เคียงกับตัวเลขที่ตลาดได้รับรู้ก่อนหน้านี้แล้ว ในขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคมีทั้งปิดบวกและลบ
  • สภาพัฒน์รายงานเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/66 หดตัว 0.6% จากไตรมาสก่อนหน้า และขยายตัว 1.7% จากไตรมาส 4/65 ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าอาจขยายตัว 2.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้า หลังจากในไตรมาส 3/66 ขยายตัว 0.6% จากไตรมาสก่อนหน้า และโต 1.4% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน โดยการส่งออกสินค้าและบริการเร่งตัวขึ้น และการบริโภคภาคเอกชนเติบโตต่อเนื่องในขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐหดตัว สำหรับตลอดปี 2566 เศรษฐกิจไทยโต 1.9% ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าอาจโต 2.2% สภาพัฒน์คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะขยายตัว 2.2% – 3.2% โดยได้แรงหนุนจากการเติบโตของการส่งออก การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนและการท่องเที่ยว 

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้นักลงทุนเลื่อนคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดในปีนี้เป็นเดือน มิ.ย. 67 ประกอบกับผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐกลับมายืนเหนือระดับ 4.3% อีกครั้ง แนะนำหาโอกาสสะสมกองทุนตราสารหนี้ทั่วโลก เพื่อคาดหวังผลตอบแทนจากส่วนต่างราคา (capital gain) หากเฟดส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยหลังจากนี้

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ตลาดหุ้นสหรัฐ, ตลาดน้ำมัน, ตลาดทองคำ ปิดทำการ เนื่องในวันประธานาธิบดี
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 492.39 จุด เพิ่มขึ้น 0.80 จุด หรือ +0.16%
    • ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 38,470.38 จุด ลดลง 16.86 จุด หรือ -0.04%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 2,910.54 จุด เพิ่มขึ้น 44.64 จุด หรือ +1.56%
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,386.27 ลบ 1.00 จุด (-0.07%) Trading Volume: 43,564.47 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายค่อนข้างน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (+1.26%) ตามด้วยกลุ่มธนาคาร (+0.95%) และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (-4.80%) นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 833.59 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับขึ้น 1 bp แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดไม่เปลี่ยนแปลง
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับขึ้น 1 bp
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับขึ้น 1 bp
      • IRS SWAP ปิดปรับขึ้น 1-4 bps       
    • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 11,575.45 ล้านบาท  นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,652.65 ล้านบาท
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศคุณภาพดี
คลิก:
KFSINCFX-A | KF-CSINCOM | KF-SINCOME | KFSINCRMF
 
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน