สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
15/12/2566

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดบวก โดยดาวโจนส์ปิดที่ระดับสูงสุดติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
  • นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในการประชุมเดือน มี.ค. 2567 หลังจากที่เฟดส่งสัญญาณยุติวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้งในปี 2567 ในการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) เมื่อวันพุธ (13 ธ.ค.) ที่ผ่านมา
  • FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 81.4% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25 - 5.50% ในการประชุมวันที่ 30 - 31 ม.ค.2567 และนักลงทุนให้น้ำหนัก 72.6% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00 - 5.25% ในการประชุมเดือน มี.ค. 2567 จากเดิมที่มีการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในการประชุมเดือน พ.ค. 2567
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 4% เมื่อวานนี้ (14 ธ.ค.) โดยถูกกดดันจากคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยขาลงในปีหน้า หลังเจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้งในปี 2567 รวม 0.75% และปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 4 ครั้งในปี 2568 รวม 1.00% ส่วนในปี 2569 จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้ง รวม 0.75% ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดลดลงสู่ช่วง 2.00 - 2.25% ซึ่งใกล้กับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะยาวที่ระดับ 2.50%
  • ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการเปิดเผยยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่เผชิญภาวะถดถอย แต่จะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือซอฟต์แลนดิ้ง โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผย ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือน พ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากลดลง 0.2% ในเดือน ต.ค. สวนทางกับนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะลดลง 0.1% ในเดือน พ.ย.
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 19,000 ราย สู่ระดับ 202,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 220,000 ราย ส่วนจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องเพิ่มขึ้น 20,000 ราย สู่ระดับ 1.88 ล้านราย
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก โดยดัชนี STOXX 600 ปิดบวกหลังแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 22 เดือน ได้แรงหนุนจากการที่เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยในวันพุธ (13 ธ.ค.) และส่งสัญญาณว่าจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีหน้า
  • ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวานนี้ (14 ธ.ค.) ตามการคาดการณ์ของตลาด โดยเป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ระดับ 4.00% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ระดับ 4.75% ส่วนอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์อยู่ที่ระดับ 4.50% โดยการประกาศคงอัตราดอกเบี้ยของ ECB มีขึ้น หลังเงินเฟ้อในยูโรโซนชะลอตัวสู่ระดับ 2.4% ในเดือน พ.ย. ใกล้เคียงกับเป้าหมายเงินเฟ้อของ ECB ที่ระดับ 2%
  • ECB ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของยูโรโซน สู่ระดับ 0.6% ในปีนี้ จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 0.7% และปรับลดคาดการณ์ GDP ในปี 2567 สู่ระดับ 0.8% จากเดิมที่ระดับ 1.0% ขณะที่คงคาดการณ์ GDP ในปี 2568 ที่ระดับ 1.5%
  • คณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติด้วยคะแนนเสียง 6 - 3 ในการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25% สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดย MPC ระบุว่าจะยังคงใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดต่อไปอีกระยะหนึ่ง และจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากมีหลักฐานบ่งชี้แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากเงินเฟ้อ
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนพลิกปิดลดลง จากแรงเทขายทำกำไรหลังเปิดตลาดภาคเช้าในแดนบวก โดยเคลื่อนไหวตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นเมื่อวันพุธ (13 ธ.ค.) หลังเฟดมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 5.25% - 5.50% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 ในการประชุมเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. และส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 2567 - 2569
  • ตลาดหุ้นไทยปิดบวกโดยซื้อขายในแดนบวกตลอดทั้งวัน ปิดปรับตัวขึ้นกว่า 1.50% ทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคที่ต่างปิดปรับตัวขึ้นค่อนข้างมาก หลังเฟดส่งสัญญาณว่าอาจมีการประกาศลดดอกเบี้ยมากกว่าที่ประเมินไว้ในการประชุมครั้งก่อนหน้านี้

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

หลังเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ที่ระดับ 5.25% - 5.50% พร้อมส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 3 ครั้งในปี 2567 ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า และอัตราผลตอบแทนผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี (Bond Yield) ปรับตัวลงต่ำกว่า 4% เป็นปัจจัยหนุนให้สินทรัพย์เสี่ยงยังมีความน่าสนใจ แนะนำลงทุนเมื่อราคาปรับย่อลงมาทั้งในตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดหุ้นโลก เพื่อเก็งกำไรระยะสั้น ทั้งนี้ สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลดหย่อนภาษี แนะนำลงทุนตามความเสี่ยงที่สามารถรับได้

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 37,248.35 จุด เพิ่มขึ้น 158.11 จุด หรือ +0.43% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,719.55 จุด เพิ่มขึ้น 12.46 จุด หรือ +0.26% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,761.56 จุด เพิ่มขึ้น 27.59 จุด หรือ +0.19%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 476.57 จุด เพิ่มขึ้น 4.11 จุด หรือ +0.87%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 2,958.99 จุด ลดลง 9.78 จุด หรือ -0.33%
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้น 2.11 ดอลลาร์ หรือ 3.04% ปิดที่ 71.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 47.60 ดอลลาร์ หรือ 2.38% ปิดที่ 2,044.90 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,378.94 บวก 20.97 จุด (+1.54%) Trading Volume: 40,907.34 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (+1.22%) ตามด้วยกลุ่มพาณิชย์ (+2.11%) กลุ่มธนาคาร (+0.93%) และกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (+5.17%) นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,480.27 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับลดลง 1-8 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1-7 bps
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 6-10 bps
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 3-10 bps
      • IRS SWAP ปิดปรับลดลง 10-14 bps
    • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 19,369.20 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,008.27 ล้านบาท
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน