สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
10/06/2567

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้งสามดัชนีหลักปิดลบในวันศุกร์ที่ 7 มิ.ย. หลังการซื้อขายผันผวน ขณะที่การเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นเกินคาด โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 272,000 ตำแหน่งในเดือน พ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 185,000 ตำแหน่ง ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงทันทีหลังรายงานดังกล่าว ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น เนื่องจากตลาดปรับลดคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. โดย FedWatch Tool ของ CME บ่งชี้ว่ามีโอกาส 56% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือน ก.ย. แต่สุดท้าย S&P500 ฟื้นตัวขึ้นและแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ระหว่างวันครั้งใหม่ เนื่องจากนักลงทุนมองว่า ข้อมูลการจ้างงานบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันศุกร์ที่ 7 มิ.ย. นำโดยหุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย อาทิ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มสาธารณูปโภค โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในยุโรปปรับตัวขึ้นหลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีอายุ 10 ปีอยู่ที่ 2.622% และการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐฯ ทำให้เกิดความกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเร็วๆ นี้
  • ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลบเล็กน้อยในวันที่ 7 มิ.ย. ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน พ.ค. ของสหรัฐฯ ในวันนี้ (10 มิ.ย.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด โดยหุ้นปรับตัวลง นำโดยกลุ่มพลังงานไฟฟ้าและก๊าซ กลุ่มอุปกรณ์การขนส่ง และกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ ด้านหุ้นเทคโนโลยีปรับตัวลงตามทิศทางหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดหุ้นสหรัฐฯ
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวก ขานรับรายงานของสำนักงานศุลกากรจีน (GAC) โดยยอดส่งออกเดือน พ.ค. พุ่งขึ้น 7.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 6% และแข็งแกร่งกว่าในเดือน มิ.ย. ที่ปรับตัวขึ้นเพียง 1.5% แต่ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อยเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ
  • ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ที่ 7 มิ.ย. แกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยซื้อขายในแดนบวกเกือบตลอดทั้งวัน ปิดปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย โดยเป็นการฟื้นตัวหลังจากปรับตัวลดลงต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้านี้ ในขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคมีทั้งปิดบวกและลบ 

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

ในสัปดาห์นี้ให้จับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ และการประชุมนโยบายการเงินเป็นเวลา 2 วันของเฟดในวันที่ 11 - 12 มิ.ย. ซึ่งหากตัวเลขเงินเฟ้อออกมาสูงกว่าคาดการณ์ หรือถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดหลังการประชุมออกมาในโทนต้องตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไป อาจจะสร้างความผันผวนให้กับตลาดหุ้นได้ แต่ในทางตรงกันข้ามหากตัวเลขเงินเฟ้อออกมาในทางผ่อนคลายและเฟดแสดงทีท่าว่าพร้อมปรับลดอัตราดอกเบี้ย ก็จะทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,798.99 จุด ลดลง 87.18 จุด หรือ -0.22%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,346.99 จุด ลดลง 5.97 จุด หรือ -0.11% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,133.12 จุด ลดลง 40.00 จุด หรือ -0.23%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 523.55 จุด ลดลง 1.13 จุด หรือ -0.22%
    • ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 38,683.93 จุด ลดลง 19.58 จุด หรือ -0.05%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ระดับ 3,051.28 จุด เพิ่มขึ้น 2.48 จุด หรือ +0.082%
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค. ลดลง 2 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 75.53 ดอลลาร์/บาร์เรล
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ส.ค. ร่วงลง 65.90 ดอลลาร์ หรือ 2.76% ปิดที่ 2,325.00 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยลดลงเกือบ 1% ในรอบสัปดาห์นี้ และลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,332.74 บวก 4.33 จุด (+0.33%) Trading Volume: 40,330.79 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (+0.67%) ตามด้วยกลุ่มธนาคาร (+0.59%) และกลุ่มขนส่ง (+0.15%)  นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 495.87 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับลดลง 1-2 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1 bp
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 1-2 bps
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 1 bp
      • IRS SWAP ปิดแกว่งตัว 1-2 bps
    • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 3,367.90 ล้านบาท  นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 161.56 ล้านบาท
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน