สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
07/03/2567

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐกลับมาปิดบวกทั้ง 3 ดัชนี โดยหุ้น 9 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดบวก นำโดยกลุ่มสาธารณูปโภคซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 1% และกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศเพิ่มขึ้น 0.9% ขณะที่หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยลดลงมากที่สุด 0.4% ทั้งนี้ ปัจจัยบวกมาจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ และความเห็นจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้
  • นายพาวเวลกล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรว่า เขาคาดว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หากเศรษฐกิจมีการปรับตัวตามที่เฟดคาดการณ์ อย่างไรก็ดี นายพาวเวลกล่าวว่า เฟดยังไม่มีกรอบเวลาชัดเจนสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และยังคงมองว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไปจะทำให้เฟดมีความเสี่ยงต่อการพ่ายแพ้ในการทำสงครามกับเงินเฟ้อ ซึ่งก็จะทำให้เฟดต้องกลับมาขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก แต่การที่เฟดรอนานเกินไปก็มีความเสี่ยงที่จะกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ นายพาวเวลจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในคืนนี้ (7 มี.ค.)
  • สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน (Job Openings and Labor Turnover Survey หรือ JOLTs) ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลงสู่ระดับ 8.86 ล้านตำแหน่งในเดือน ม.ค. ลดลงจากระดับ 8.89 ล้านตำแหน่งในเดือน ธ.ค. แต่ยังสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 8.85 ล้านตำแหน่ง ทั้งนี้ ตัวเลข JOLTs นับเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสนใจ โดยมองว่าเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงิน และอัตราดอกเบี้ยของเฟด
  • ตลาดหุ้นยุโรป STOXX 600 ปิดบวกทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All Time High) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มการเงินที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนขานรับการแถลงนโยบายการเงินของนายพาวเวลต่อสภาคองเกรส ก่อนการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันนี้ (7 มี.ค.)
  • ตลาดหุ้นญี่ปุ่น Nikkei ปิดลบเล็กน้อย โดยมีแรงเทขายหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะหุ้นที่เป็นซัพพลายเออร์ให้แอปเปิ้ล หลังจากแอปเปิ้ลมียอดขาย iPhone ในจีนดิ่งลง 24% ในช่วง 6 สัปดาห์แรกของปี 2567 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2566 แต่แรงช้อนซื้อหุ้นในกลุ่มธนาคารและยานยนต์ที่ช่วยพยุงตลาดไว้
  • ตลาดหุ้นจีน Shanghai Composite ปิดลบเล็กน้อย ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาการประชุมสองสภาของจีนอย่างต่อเนื่องว่า จะมีการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใดๆ เพิ่มเติมหรือไม่
  • ตลาดหุ้นไทย (SET) ปิดบวก 11.29 จุด ปรับตัวขึ้นตามตลาดในภูมิภาค โดยเฉพาะตลาดหุ้นฮ่องกงฟื้นตัวได้ดี ตลาดหุ้นไทยฟื้นหลังจากลดลงไปมากแล้ว โดยวันอังคาร (5 มี.ค.) ลงไปทดสอบแนวรับ Low ที่ 1,350 จุด ขณะที่วันพุธ (6 มี.ค.) มีแรงซื้อคืนหุ้นใหญ่หนุนการฟื้นตัว อาทิ DELTA 

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

  • ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวผสมผสานและอยู่ในบรรยากาศการซื้อขายอย่างระมัดระวัง จากการที่นายพาวเวลเตรียมแถลงนโยบายการเงินต่อสภาคองเกรสในคืนวันพุธ (6 มี.ค.) และตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน (Job Openings and Labor Turnover Survey หรือ JOLTs) ทั้งนี้ ตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวขึ้นแรง หลังจากที่ร่วงลงแรงในวันอังคาร (5 มี.ค.) โดยที่หุ้นไทยก็ปรับตัวขึ้นตามมาด้วย
  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปกลับมาปิดบวก หลังการแถลงของนายพาวเวลไม่ได้มีข้อความอะไรใหม่ ทั้งนี้ตลาดยังมีความมั่นใจมากขึ้นว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยภายในปีนี้แน่ ๆ ประกอบกับตัวเลขการเปิดรับสมัครงานออกมาชะลอตัวลงอีกด้วย ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี (Bond Yield) ปรับตัวลงสู่ระดับ 4.10% ซึ่งก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่หนุนตลาดหุ้นเมื่อคืนนี้ สำหรับวันนี้เราแนะนำให้ติดตามการแถลงของนายพาวเวลต่อวุฒิสภา และการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,661.05 จุด เพิ่มขึ้น 75.86 จุด หรือ +0.20%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,104.76 จุด เพิ่มขึ้น 26.11 จุด หรือ +0.51% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 16,031.54 จุด เพิ่มขึ้น 91.96 จุด หรือ +0.58%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 498.21 จุด เพิ่มขึ้น 1.94 จุด หรือ +0.39%
    • ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 40,090.78 จุด ลดลง 6.85 จุด หรือ -0.02%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,039.93 จุด ลดลง 7.86 จุด หรือ -0.26%
    • ดัชนี S&P BSE Sensex ปิดตลาดที่ 74,085.99 บวก 408.86 จุด หรือ 0.55%
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 98 เซนต์ หรือ 1.25% ปิดที่ 79.13 ดอลลาร์/บาร์เรล
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 16.30 ดอลลาร์ หรือ 0.76% ปิดที่ 2,158.20 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,370.55 บวก 11.29 จุด (+0.83%) Trading Volume: 41,006.12 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายค่อนข้างน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (+0.47%) ตามด้วยกลุ่มธนาคาร (-0.22%) และกลุ่มพาณิชย์ (+0.51%) นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,842.24 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับลดลง 1 bp แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1 bp
      • อายุ >5-10 ปี ปิดไม่เปลี่ยนแปลง
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 1 bp
      • IRS SWAP ปิดปรับลดลง 1-2 bps 
    • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 12,946.45 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 834.05 ล้านบาท     
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน