สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
07/02/2567

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดบวก โดยตลาดฟื้นตัวหลังจากที่ร่วงลงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (5 ก.พ.) ขณะที่นักลงทุนประเมินการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟด
  • นายนีล แคชแครี ประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิสกล่าวว่า ภารกิจด้านการควบคุมเงินเฟ้อของเฟดยังไม่เสร็จสิ้น แม้เขามองว่าข้อมูลในช่วงเวลา 3 - 6 เดือนที่ผ่านมาบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อได้ชะลอตัวลงอย่างรวดเร็วก็ตาม
  • นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์กล่าวว่า หากเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในทิศทางที่เธอคาดการณ์ไว้ ก็อาจเปิดทางให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่นางเมสเตอร์กล่าวว่าขณะนี้เธอยังไม่พร้อมที่จะระบุช่วงเวลาของการผ่อนคลายนโยบายการเงิน เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงมีความไม่แน่นอน
  • ปีเตอร์ ทุซ นักวิเคราะห์จากบริษัท Chase Investment Counsel ในรัฐเวอร์จิเนียของสหรัฐกล่าวว่า การแสดงความเห็นของนางเมสเตอร์และนายแคชคารีถือเป็นการยืนยันสิ่งที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้กล่าวในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งนายพาวเวลให้สัมภาษณ์ว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยล่าช้ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เนื่องจากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในขณะนี้ทำให้เฟดต้องใช้ความระมัดระวังในการพิจารณาเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และเฟดต้องการเห็นหลักฐานเพิ่มเติมว่าเงินเฟ้อสหรัฐจะปรับตัวลงสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
  • หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์พุ่งขึ้น 1.7% และ 1.49% ตามลำดับ ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มบริการด้านการสื่อสารปรับตัวลง 0.48% และ 0.21% ตามลำดับ
  • นักลงทุนรอติดตามรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยข้อมูลจาก LSEG (London Stock Exchange Group) ระบุว่า ขณะนี้มีบริษัทกว่าครึ่งหนึ่งในดัชนี S&P500 ที่ได้รายงานผลประกอบการแล้ว โดยในจำนวนนี้มี 81.2% ที่รายงานผลประกอบการสูงกว่าคาด
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทบีพีและราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนขานรับจีนออกมาตรการกระตุ้นตลาดการเงินครั้งใหม่
  • หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น 2.1% ตามการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบ นำโดยหุ้นบีพีของอังกฤษ พุ่งขึ้น 5.5% หลังรายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ที่ดีเกินคาด ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่พึ่งพารายได้จากจีน ก็ปรับตัวขึ้น 1.4% หลังมีข่าวครั้งใหม่เกี่ยวกับการสนับสนุนเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลจีน
  • ยอดค้าปลีกของยูโรโซนลดลง 1.1% จากเดือนก่อนหน้า และลดลง 0.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน ธ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% จากเดือนก่อนหน้า และลดลง 0.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน พ.ย.
  • ข้อมูลจาก LSEG (London Stock Exchange Group) บ่งชี้ว่า บริษัท 85 แห่งในดัชนี STOXX 600 รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ออกมาแล้ว โดย 55.3% รายงานผลประกอบการที่สูงเกินคาด
  • ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดลบ เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นเพื่อทำกำไร หลังจากตลาดปรับตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่ตลาดก็ยังได้แรงหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นโตโยต้า มอเตอร์ เนื่องจากมีแนวโน้มผลประกอบการที่สดใส
  • การใช้จ่ายภาคครัวเรือนของญี่ปุ่นลดลง 2.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน ธ.ค. หลังจากลดลง 2.9% ในเดือน พ.ย. โดยเป็นการลดลงเป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกัน และลดลงมากกว่าที่ตลาดคาด
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวกมากกว่า 3% หลังจากมีรายงานว่ากองทุนของรัฐบาลจีนจะเข้าซื้อหุ้นในตลาดมากขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะรักษาเสถียรภาพของตลาดหุ้น
  • คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์จีน (CSRC) ประกาศสนับสนุนให้บริษัทเซ็นทรัล หุยจิน อินเวสต์เมนต์ (เซ็นทรัล หุยจิน) เข้าซื้อกองทุน ETF และซื้อหุ้นในตลาดมากขึ้น เพื่อสนับสนุนตลาดหุ้นภายในประเทศ โดยเซ็นทรัล หุยจิน เป็นบริษัทด้านการลงทุนของรัฐบาลจีน ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นความพยายามของจีนในการสร้างเสถียรภาพในตลาดหุ้น หลังจากตลาดดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนอย่างรุนแรงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (2 ก.พ.) โดยมาตรการล่าสุดนี้ถือเป็นอีกหนึ่งในย่างก้าวสำคัญที่ทางการจีนต้องการจะสกัดการร่วงลงของตลาดหุ้น หลังจากมูลค่าตลาดหุ้นจีนหายไปถึง 7 ล้านล้านดอลลาร์ และบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน
  • ตลาดหุ้นไทยปิดบวก ซื้อขายในแดนบวกตลอดทั้งวัน ปิดปรับตัวสูงขึ้น ทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในอาเซียน โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นจีน หลังทางการจีนมีมาตรการรักษาเสถียรภาพตลาดหุ้นเพิ่มเติม และมีรายงานข่าวว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับนโยบายทางการเงินเกี่ยวกับตลาดหุ้น

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดออกมาวิเคราะห์โอกาสในการปรับลดดอกเบี้ย ซึ่งมีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกับที่นายพาวเวลออกมาให้สัมภาษณ์สื่อก่อนหน้านี้ สะท้อนมุมมองว่าเฟดจะยังตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงอีกสักระยะ เพื่อสกัดเงินเฟ้อให้ลงมาสู่ระดับ 2% และค่อยเริ่มพิจารณาปรับลดดอกเบี้ย โดย บลจ. มองว่าดอกเบี้ยได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว รอเพียงสัญญาณการปรับลดดอกเบี้ยจากเฟดเท่านั้น เป็นโอกาสลงทุนกองทุนตราสารหนี้ทั่วโลก ในช่วงที่อัตราผลตอบแทน (bond yield) กลับมาอยู่เหนือระดับ 4% อีกครั้ง โดยคาดหวังผลตอบแทนจากส่วนต่างราคา (capital gain) หากดอกเบี้ยปรับลดลงหลังจากนี้

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,521.36 จุด เพิ่มขึ้น 141.24 จุด หรือ +0.37%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,954.23 จุด เพิ่มขึ้น 11.42 จุด หรือ +0.23% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,609.00 จุด เพิ่มขึ้น 11.32 จุด หรือ +0.07%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 486.76 จุด เพิ่มขึ้น 3.07 จุด หรือ +0.63%
    • ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 36,160.66 จุด ลดลง 193.50 จุด หรือ -0.53%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 2,789.49 จุด เพิ่มขึ้น 87.30 จุด หรือ +3.23%
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 53 เซนต์ หรือ 0.73% ปิดที่ 73.31 ดอลลาร์/บาร์เรล
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 8.50 ดอลลาร์ หรือ 0.42% ปิดที่ 2,051.40 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,396.96 บวก 13.03 จุด (+0.94%) Trading Volume: 50,709.59 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายปานกลาง โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (+0.72%) ตามด้วยกลุ่มขนส่ง (+1.38%) และกลุ่มพาณิชย์ (+1.66%) นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,613.17 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับลดลง 1-3 bps แบ่งตามช่วงอายุดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1 bp
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 1-3 bps
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 1-2 bps
      • IRS SWAP ปิดปรับแกว่งตัว 1-2 bps   
    • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 57,562.63 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 6,279.27 ล้านบาท
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน