ปัจจัยสำคัญ 

• ตลาดหุ้นสหรัฐปิดผสมผสาน ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังจากตลาดเผชิญเหตุขัดข้องทางเทคนิค ซึ่งส่งผลให้ต้องระงับการซื้อขายหุ้นจำนวนมากในช่วงเวลาสั้นๆ ในช่วงแรกนั้นดัชนี S&P500 และ Nasdaq ร่วงลง ก่อนที่ดัชนีทั้งสองจะลดช่วงลบและปิดตลาดในแดนบวก ส่วนดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดปรับตัวลง ประกอบกับรายงานดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐที่ชะลอตัวลงในเดือน พ.ค. ที่ระดับ 48.7 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐอยู่ในภาวะหดตัว ทั้งนี้ นักลงทุนรอติดตามข้อมูลเศรษฐกิจเพิ่มเติมในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินช่วงเวลาที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้
• ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน หลังการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า กิจกรรมการผลิตยังคงอ่อนแอในยูโรโซนและหดตัวลงในสหรัฐในเดือน พ.ค. ได้ช่วยหนุนหุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ประกอบกับนักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่า ECB อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%
• ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากสัญญาณการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อสหรัฐ ซึ่งกระตุ้นให้เกิดความหวังว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่เนิ่นๆ รวมถึงคลายกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของเศรษฐกิจสหรัฐ
• ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบ โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน หลังจากมีรายงานว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตลดลงสู่ระดับ 49.5 ในเดือน พ.ค. จากระดับ 50.4 ในเดือน เม.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าอาจจะอยู่ที่ระดับ 50.4
• ตลาดหุ้นไทยปิดลบในวันศุกร์ (31 พ.ค.) โดยเปิดตลาดซื้อขายในแดนบวกในช่วงประมาณ 1 ชั่วโมงแรก ก่อนที่จะร่วงลงซื้อขายในแดนลบตลอดช่วงที่เหลือของวัน โดยมีแรงขายหุ้น BTS (-17.95%) กดดัน ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7,227.59 ล้านบาท หลังบริษัทรายงานผลประกอบการขาดทุนในไตรมาสแรก ส่งผลให้ดัชนีปิดปรับตัวลดลง นอกจากนี้ มูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นยังเป็นผลจากการปรับน้ำหนักของ MSCI ในขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคมีทั้งปิดบวกและลบ เนื่องจากนักลงทุนรอดูตัวเลข core PCE ของสหรัฐ

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

สรุปภาพรวมตลาด

• ต่างประเทศ
  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,571.03 จุด ลดลง 115.29 จุด หรือ -0.30%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,283.40 จุด เพิ่มขึ้น 5.89 จุด หรือ +0.11% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,828.67 จุด เพิ่มขึ้น 93.65 จุด หรือ +0.56%
  • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 519.85 จุด เพิ่มขึ้น 1.68 จุด หรือ +0.32%
  • ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 38,923.03 จุด เพิ่มขึ้น 435.13 จุด หรือ +1.13%
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ระดับ 3,078.49 จุด ลดลง 8.32 จุด หรือ -0.3%
  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค. ลดลง 2.77 ดอลลาร์ หรือ 3.6% ปิดที่ 74.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 23.50 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 2,369.30 ดอลลาร์/ออนซ์
• ในประเทศ
  • SET ปิดที่ 1,345.66 ลบ 5.86 จุด (-0.43%) Trading Volume: 74,814.30 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายมาก โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มขนส่ง (-0.09%) ตามด้วยกลุ่มพลังงาน (-0.57%) และกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (-1.27%) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,097.90 ล้านบาท
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับลดลง 1 bp แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
    • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1 bp
    • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 1 bp
    • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 1 bp
    • IRS SWAP ปิดปรับขึ้น 1 bp  
  • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 26,613.28 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 270.54 ล้านบาท

• หุ้นทั่วโลก คลิก: KFGLOBAL-A | KFGLOBFX-A | KFWINDX-A
• หุ้นคุณภาพสูงทั่วโลก คลิก: KFGBRAND-A | KFGBRAND-D | KFGBRANSSF | KFGBRANRMF
• หุ้นสหรัฐ คลิก: KFNDQ-A |   KFUSINDX-A
• ทองคำ คลิก: KF-GOLD | KF-HGOLD | KFGOLDRMF