สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
03/10/2566

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดผสมผสาน โดยตลาดยังคงถูกกดดันจากแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลแรงงานของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือน ก.ย.
  • ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากการที่เฟดส่งสัญญาณในการประชุมเดือน ก.ย. ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น เนื่องจากการที่เฟดจะบรรลุเป้าหมายการฉุดเงินเฟ้อให้ลดลงสู่ระดับ 2% นั้น อาจต้องใช้เวลานาน
  • นางมิเชล โบว์แมน หนึ่งในสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟด แสดงความเห็นล่าสุดเมื่อวานนี้ว่า เธอยังคงสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป หากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อชะลอตัวช้าเกินไป
  • แม้สภาคองเกรสสหรัฐบรรลุข้อตกลงในการผ่านร่างงบประมาณชั่วคราว แต่ตลาดมองว่าการที่สภาคองเกรสผ่านร่างงบประมาณดังกล่าวเป็นเพียงการซื้อเวลาต่อไปอีก 45 วันเท่านั้น เนื่องจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันยังคงมีความขัดแย้งกันในหลายประเด็น ซึ่งรวมถึงการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดน และการให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน โดยหากสภาคองเกรสไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งดังกล่าวเพื่อให้มีการจัดทำงบประมาณระยะยาวได้ทันวันที่ 17 พ.ย. สหรัฐก็อาจจะเผชิญการชัตดาวน์อีกครั้ง
  • สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 49.0 ในเดือน ก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2565 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 47.7 จากระดับ 47.6 ในเดือน ส.ค.
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ โดยถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวขึ้น และข้อมูลที่บ่งชี้ว่ากิจกรรมการผลิตของยูโรโซนยังคงอยู่ในช่วงขาลง
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีอายุ 10 ปีที่พุ่งขึ้นสู่ระดับ 2.922% ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 12 ปีที่เข้าทดสอบเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
  • เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยผลสำรวจบ่งชี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของยูโรโซนลดลงสู่ระดับ 43.4 ในเดือน ก.ย. จากระดับ 43.5 ในเดือน ส.ค. ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่ากิจกรรมการผลิตของยูโรโซนยังคงซบเซาในเดือน ก.ย. ซึ่งบ่งชี้ว่าอุปสงค์ลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มเก็บข้อมูลเป็นครั้งแรกในปี 2540
  • PMI ภาคการผลิตของญี่ปุ่นลดลงสู่ 48.5 ในเดือน ก.ย. จาก 49.6 ในเดือน ส.ค.
  • PMI ภาคการผลิตของจีนที่จัดทำโดยทางการเพิ่มขึ้นสู่ 50.2 ในเดือน ก.ย. จาก 49.7 ในเดือน ส.ค. โดยดัชนีบ่งชี้ถึงการขยายตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน มี.ค. ส่วน PMI นอกภาคการผลิตที่จัดทำโดยทางการเพิ่มขึ้นสู่ 51.7 จาก 51.0 ในขณะที่ PMI ภาคการผลิตที่จัดทำโดยไฉซินลดลงสู่ 50.6 ในเดือน ก.ย. จาก 51.0 ในเดือน ส.ค. และ PMI ภาคบริการที่จัดทำโดยไฉซินลดลงสู่ 50.2 จาก 51.8
  • ตลาดหุ้นไทยวานนี้ซื้อขายทั้งในแดนบวกและลบ ปิดปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ในขณะที่ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคปิดปรับตัวลดลงเช่นกัน

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

มีมุมมองว่าตลาดหุ้นสหรัฐอาจจะเด้งกลับมาในสัปดาห์นี้ หลังจากที่ปรับตัวลดลงมาก่อนหน้านี้โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ถูกกดดันจากประเด็นการใช้นโยบายการเงินของเฟด และปัจจัยเชิงลบอย่าง Government shutdown ที่ผ่านพ้นไปแล้ว

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,433.35 จุด ลดลง 74.15 จุด หรือ -0.22%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,288.39 จุด เพิ่มขึ้น 0.34 จุด หรือ +0.01% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,307.77 จุด เพิ่มขึ้น 88.45 จุด หรือ +0.67%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 445.59 จุด ลดลง 4.63 จุด หรือ -1.03%
    • ตลาดหุ้นจีนปิดทำการวันนี้ (2 ต.ค.) เนื่องในวันชาติ
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย. ลดลง 1.97 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 88.82 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย. 2566
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 18.90 ดอลลาร์ หรือ 1.01% ปิดที่ 1,847.20 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค. 2566
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,469.46 ลบ 1.97 จุด (-0.13%) Trading Volume: 45,365.30 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (-0.71%) ตามด้วยกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (+4.63%) และกลุ่มธนาคาร (-0.79%) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 669.62 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับลดลง 1-6 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1-4 bps
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 2-5 bps
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 1-5 bps
      • IRS SWAP ปิดปรับขึ้น 1-2 bps 
    • นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 1,306.27 ล้านบาท  นักลงทุนต่างชาติ:ซื้อสุทธิ 2,435.24 ล้านบาท  
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน 
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน