ปัจจัยสำคัญ 

• ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกหลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ต่ำสุดในรอบ 2 ปี ซึ่งทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. นี้
• กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี CPI ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 4.0% ในเดือน พ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 2564 จากระดับ 4.9% ในเดือน เม.ย. และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
• ดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 5.3% ในเดือน พ.ค. เมื่อเทียบรายปี ชะลอตัวลงจากระดับ 5.5% ในเดือน เม.ย. และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
• ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกหลังการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี นับเป็นปัจจัยเอื้อต่อการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ทะยานขึ้นตามราคาโลหะ หลังจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ย
• สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนี (Destatis) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ชะลอตัวสู่ระดับ 6.1% ในเดือน พ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค.2565 จากระดับ 7.2% ในเดือน เม.ย.
• ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวกขานรับข่าวธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ย
• ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ 2 พันล้านหยวน (279.97 ล้านดอลลาร์) ผ่านทางข้อตกลง reverse repurchase ระยะ 7 วัน และปรับลดอัตราดอกเบี้ย reverse repurchase rate ลงมาอยู่ที่ระดับ 1.9% จากระดับ 2% ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ส.ค. 2565
• สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า จีนกำลังพิจารณาที่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง หลังจากรัฐบาลจีนเผชิญกับแรงกดดันมากขึ้นเพื่อเร่งออกมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่อ่อนแรงลงอย่างมากในขณะนี้ โดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะครอบคลุมถึงมาตรการอย่างน้อย 12 มาตรการเพื่อสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์และกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ และการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
• ธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อโครงการเงินกู้ระยะสั้น (SLF) ซึ่งเป็นเครื่องมือในการสนับสนุนสภาพคล่องสำหรับสถาบันการเงิน ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ย SLF แบบข้ามคืน สู่ระดับ 2.75% จาก 2.85% และปรับลดอัตราดอกเบี้ย SLF ระยะ 7 วัน และ 1 เดือน สู่ระดับ 2.90% และ 3.25% จากระดับ 3.00% และ 3.35% ตามลำดับ
• SET Index ซื้อขายในแดนบวกตลอดทั้งวัน และปิดปรับตัวสูงขึ้นในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นจีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน และเกาหลีใต้ หลังมีข่าวรัฐบาลจีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ และความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจประกาศคงดอกเบี้ยในการประชุมในสัปดาห์นี้ ในขณะที่ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในอาเซียนปิดปรับตัวลดลง โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (+0.71%) ตามด้วยกลุ่มธนาคาร (+0.32%) และกลุ่มพาณิชย์ (+0.88%) นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 592.16 ล้านบาท

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

สรุปภาพรวมตลาด

• ต่างประเทศ
  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,212.12 จุด เพิ่มขึ้น 145.79 จุด หรือ +0.43%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,369.01 จุด เพิ่มขึ้น 30.08 จุด หรือ +0.69% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,573.32 จุด เพิ่มขึ้น 111.40 จุด หรือ +0.83%
  • ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 463.27 จุด เพิ่มขึ้น 2.54 จุด หรือ +0.55%
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,233.67 จุด เพิ่มขึ้น 4.84 จุด หรือ +0.15%
  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. พุ่งขึ้น 2.30 ดอลลาร์ หรือ 3.43% ปิดที่ 69.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 11.10 ดอลลาร์ หรือ 0.56% ปิดที่ 1,958.60 ดอลลาร์/ออนซ์
• ในประเทศ
  • SET ปิดที่ 1,562.40 บวก 10.99 จุด (+0.71%)
    Trading Volume: 41,919.69 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดแกว่งตัว 1 bp แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
    • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับขึ้น 1 bp
    • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับขึ้น 1 bp
    • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดแกว่งตัว 1 bp
    • IRS SWAP ปิดปรับลดลง 2-6 bps