สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
02/06/2566

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการผ่านร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้ในสภาคองเกรส รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
  • สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้ซึ่งมีชื่อว่า "พ.ร.บ.ความรับผิดชอบทางการคลัง" (Fiscal Responsibility Act) และส่งต่อให้วุฒิสภาทำการพิจารณา โดยหากวุฒิสภาให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายดังกล่าว ก็จะส่งต่อให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมาย ซึ่งกระบวนการเหล่านี้จะต้องเสร็จสิ้นก่อนเส้นตายวันที่ 5 มิ.ย. มิฉะนั้นสหรัฐจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ครั้งประวัติศาสตร์
  • ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ต้นทุนแรงงานต่อหน่วย (ULC) ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ ปรับตัวขึ้น 4.2% ในไตรมาส 1 ซึ่งชะลอตัวลงจากการประมาณการเบื้องต้นที่ระบุว่ามีการขยายตัว 6.3%
  • นายแพทริก ฮาร์เกอร์ ประธานเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย และนายฟิลิป เจฟเฟอร์สัน ว่าที่รองประธานเฟด โดยนายเจฟเฟอร์สันกล่าวว่า การระงับขึ้นดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย. จะช่วยให้คณะกรรมการเฟดเห็นข้อมูลมากขึ้น ก่อนที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับขอบเขตการใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินต่อไป
  • อาร์ท โฮแกน นักวิเคราะห์จากบริษัท B. Riley Wealth กล่าวว่า "ข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ซึ่งรวมถึงการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างและดัชนีภาคการผลิต สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังอยู่ในทิศทางที่ดี คือไม่ร้อนแรงเกินไปจนทำให้เฟดมีความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ และไม่ได้อ่อนแอเกินไปจนทำให้ตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
  • ดัชนี ISM ภาคการผลิตของสหรัฐลดลงสู่ 46.9 ในเดือน พ.ค. จาก 47.1 ในเดือน เม.ย. ทางด้าน ADP รายงานภาคเอกชนสหรัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 278,000 ตำแหน่งในเดือน พ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 291,000 ตำแหน่งในเดือน เม.ย. สำหรับจำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 2,000 ราย สู่ 232,000 รายในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 27 พ.ค.
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเนื่องจากข้อมูลเงินเฟ้อที่ลดลงทำให้นักลงทุนคาดหวังว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกนาน นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากความคาดหวังที่ว่าสหรัฐจะสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้
  • อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของยูโรโซน ในเบื้องต้นเพิ่มขึ้น 6.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน พ.ค. ชะลอลงจาก 7% ในเดือน เม.ย. และต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าอาจอยู่ที่ 6.3% ส่วนอัตราการว่างงานของยูโรโซนลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6.5% ในเดือน เม.ย. สะท้อนว่าตลาดแรงงานตึงตัว ทางด้านดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของยูโรโซนลดลงสู่ 44.8 ในเดือน พ.ค. จาก 45.8 .ในเดือน เม.ย.
  • PMI ภาคการผลิตของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นสู่ 50.6 ในเดือน พ.ค. จาก 49.5 ในเดือน เม.ย. โดยดัชนีอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2565 โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดบวกเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน หลังมีการเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตที่หดตัวลงมากกว่าคาด
  • ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ซื้อขายในแดนลบเกือบตลอดทั้งวันจากความกังวลเกี่ยวกับการเมืองภายในประเทศ ในขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคส่วนใหญ่ปิดปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยถึงแม้การขยายเพดานหนี้ของสหรัฐได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว แต่ยังต้องรอผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาในลำดับถัดไป

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐยังคงต้องติดตามตัวเลขทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะตัวเลขด้านแรงงานอย่าง ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรและตัวเลขเงินอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลหลักที่เฟดใช้ในการตัดสินใจกำหนดทิศทางดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย.

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,061.57 จุด เพิ่มขึ้น 153.30 จุด หรือ +0.47%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,221.02 จุด เพิ่มขึ้น 41.19 จุด หรือ +0.99% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,100.98 จุด เพิ่มขึ้น 165.70 จุด หรือ +1.28%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 455.27 จุด เพิ่มขึ้น 3.51 จุด หรือ +0.78%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,204.63 จุด เพิ่มขึ้น 0.070 จุด หรือ +0.0022%
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 2.01 ดอลลาร์ หรือ 2.95% ปิดที่ 70.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 13.40 หรือ 0.68% ปิดที่ 1,995.50 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,521.40 ลบ 12.14 จุด (-0.79%) Trading Volume: 48,244.01 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (-1.54%) ตามด้วยกลุ่มพาณิชย์ (-1.72%) และกลุ่มธนาคาร (+0.38%) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,890.96 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับลดลง 1-2 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1 bp
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 1-2 bps
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 1-2 bps
      • IRS SWAP ปิดแกว่งตัว 1 bp
    • นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 9,007.92 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,068.80 ล้านบาท
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นคุณภาพสูงทั่วโลก
คลิก: KFGBRAND-A | KFGBRAND-D | KFGBRANSSF | KFGBRANRMF 
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน