ปัจจัยสำคัญ 

• ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ซึ่งรวมถึงยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส (ยูพีเอส) รายงานผลประกอบการที่อ่อนแอ นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพในภาคธนาคาร หลังมีรายงานว่าลูกค้าแห่ถอนเงินจำนวนมากออกจากธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์
• ดัชนี KBW Regional Banking Index ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาค ร่วงลง 3.9% หลังจากราคาหุ้นธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์ (FRB) ทรุดตัวลง 49% ภายหลังจาก FRB เปิดเผยว่า ยอดเงินฝากลดลง 40.8% สู่ระดับ 1.045 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 1/2566 ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.450 แสนล้านดอลลาร์
• หุ้นยูพีเอส ซึ่งเป็นบริษัทจัดส่งพัสดุภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1/2566 อยู่ที่ 2.20 ดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.21 ดอลลาร์ และรายได้อยู่ 2.293 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.301 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยราคาหุ้นยูพีเอสร่วงลง 10%
• ตลาดสหรัฐยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานของ Conference Board ซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 101.3 ในเดือน เม.ย. จากระดับ 104.0 ในเดือน มี.ค.
• กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 9.6% สู่ระดับ 683,000 ยูนิตในเดือน มี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน จากระดับ 623,000 ยูนิตในเดือน ก.พ. อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านใหม่ลดลง 3.4% ในเดือน มี.ค. นอกจากนี้ ราคาเฉลี่ยของบ้านใหม่เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 449,800 ดอลลาร์ในเดือน มี.ค. ส่วนสต็อกบ้านใหม่อยู่ที่ระดับ 432,000 ยูนิต
• ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลง ขณะที่ตลาดหุ้นสเปนร่วงลงหนักที่สุดในรอบ 1 เดือน โดยหุ้นธนาคารซานทานแดร์นำหุ้นกลุ่มธนาคารอื่น ๆ ร่วงลง ท่ามกลางการเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังของกลุ่มธนาคาร แต่การคาดการณ์แนวโน้มที่สดใสของบริษัทโนวาร์ติสได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์
• ดัชนี IBEX ตลาดหุ้นสเปนร่วงลง 1.2% ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์การลดลงในวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. โดยหุ้นธนาคารซานทานแดร์ร่วงลง 6.0% หลังข้อมูลภาวะธุรกิจที่อ่อนแอในบราซิลและสหรัฐได้บดบังการเปิดเผยผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นในไตรมาสแรก
• หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์บวกสวนทาง 0.6% หลังหุ้นโนวาร์ติส พุ่งขึ้น 4.0% จากการปรับเพิ่มแนวโน้มผลประกอบการทั้งปีหลังจากปรับลดต้นทุน และการทดลองยารักษาโรคมะเร็งทรวงอกประสบความสำเร็จ
• ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างจีนและสหรัฐเกี่ยวกับข้อจำกัดในการส่งออกชิปให้กับจีน รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน
• สำนักงานสถิติแห่งชาติเกาหลีใต้รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2566 ขยายตัว 0.3% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์ของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดไว้ว่าอาจจะขยายตัว 0.2% และบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของเกาหลีใต้สามารถรอดพ้นจากภาวะถดถอยได้ หลังจากที่หดตัวในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว
• SET Index ซื้อขายในแดนลบเกือบตลอดทั้งวัน และปิดปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก ในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาค เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐ และปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มธนาคาร (-1.08%) และกลุ่มพลังงาน (-1.06%) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,710.93 ล้านบาท
  
   

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

สรุปภาพรวมตลาด

• ต่างประเทศ
  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,530.83 จุด ร่วงลง 344.57 จุด หรือ -1.02%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,071.63 จุด ลดลง 65.41 จุด หรือ -1.58% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,799.16 จุด ร่วงลง 238.05 จุด หรือ -1.98%
  • ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 467.08 จุด ลดลง 1.89 จุด หรือ -0.40%
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,264.87 จุด ลดลง 10.54 จุด หรือ -0.32%
  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.ร่วงลง 1.69 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 77.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 4.7 ดอลลาร์ หรือ 0.24% ปิดที่ระดับ 2,004.50 ดอลลาร์/ออนซ์
• ในประเทศ
  • SET ปิดที่ 1,540.20 ลบ 17.67 จุด (-1.13%)
    Trading Volume: 46,215.92 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดแกว่งตัว 1-2 bps แบ่งตามช่วงอายุดังนี้
    • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1 bp
    • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 1-3 bps
    • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 1-2 bps
    • IRS SWAP ปิดแกว่งตัว 1-9 bps