สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
17/04/2566

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบในวันที่ 14 เม.ย.โดยถูกกดดันหลังจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจได้ตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง ซึ่งความกังวลดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกที่แข็งแกร่งของธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐ
  • ซิตี้กรุ๊ป, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และเวลส์ ฟาร์โก เปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด โดยได้แรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และความวิตกที่ลดลงเกี่ยวกับปัญหาในระบบธนาคาร หนุนหุ้นกลุ่มธนาคาร พุ่งขึ้น 3.5% และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส พุ่งขึ้น 7.6% ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์วันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย. 2563
  • ข้อมูลเศรษฐกิจที่เปิดเผยในวันศุกร์เป็นไปอย่างไร้ทิศทาง โดยกระทรวงแรงงานเปิดเผยว่า ราคานำเข้าลดลง 0.6% ในเดือน มี.ค. หลังลดลง 0.2% ในเดือน ก.พ. และลดลงมากกว่าคาด และเมื่อเทียบเป็นรายปี ราคานำเข้าร่วงลง 4.6 และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกลดลง 1% ในเดือน มี.ค. มากกว่าที่คาดไว้ว่าอาจลดลง 0.4% และมากกว่าการลดลง 0.2% ในเดือน ก.พ.
  • FedWatch tool ของ CME บ่งชี้ว่า ตลาดการเงินคาดว่ามีแนวโน้ม 74% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือน พ.ค.
  • นายออสตัน กูลสบี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซีในวันศุกร์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และเขาได้เรียกร้องให้เฟดกำหนดนโยบายการเงินอย่างรอบคอบ
  • นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟดกล่าวว่า นโยบายการเงินยังจำเป็นต้องตึงตัวต่อไปอีกระยะ และยาวนานกว่าที่ตลาดคาดไว้
  • นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% นั้น จะทำให้เฟดสามารถยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยด้วยความเชื่อมั่นว่า อัตราเงินเฟ้อจะค่อยๆ กลับสู่ระดับเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันที่ 14 เม.ย. สู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปีและปิดในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการเชิงบวกของธนาคารรายใหญ่ในสหรัฐ และจากความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
  • การเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า ราคาค้าส่งของเยอรมนี เพิ่มขึ้นในเดือน มี.ค.ในอัตราที่ชะลอลงเมื่อเทียบเป็นรายปี แต่เพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับเดือน ก.พ. และการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาสแรกช่วยหนุนหุ้นรายตัว อาทิ หุ้นแอร์เมส บวก 1.5% แตะระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์หลังเปิดเผยยอดขายไตรมาสแรกสูงเกินคาด โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากจีน และหุ้นทอมทอมซึ่งเป็นบริษัทจัดทำแผนที่และระบบนำทางของเนเธอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 7.3% หลังรายงานผลกำไรไตรมาสแรกสูงเกินคาด
  • ตลาดหุ้นไทยวันที่ 12 เม.ย. แกว่งตัวในกรอบแคบๆ แดนลบ ปิดปรับตัวลดลงเล็กน้อย ทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในอาเซียนที่ต่างปิดปรับตัวลดลงเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนรอดูรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

ขณะนี้อยู่ในช่วงการประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทชั้นนำต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่จะกำหนดทิศทางของตลาดหุ้นทั่วโลก หากตัวเลขออกมาดีกว่าคาดการณ์ จะส่งผลบวกต่อตลาด แต่หากตัวเลขออกมาในทิศทางตรงกันข้าม ก็อาจสร้างความผันผวนในตลาดหุ้นได้

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,886.47 จุด ลดลง 143.22 จุด หรือ -0.42%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,137.64 จุด ลดลง 8.58 จุด หรือ -0.21% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,123.47 จุด ลดลง 42.81 จุด หรือ -0.35%
    • ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์บวก 1.2%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.8% และ Nasdaq ปรับตัวขึ้น 0.3% โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกันแล้วซึ่งเป็นการบวกขึ้นรายสัปดาห์ต่อเนื่องยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2565
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 466.91 จุด เพิ่มขึ้น 2.7 จุด หรือ +0.58%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,338.15จุด เพิ่มขึ้น 19.79 จุด หรือ +0.60%
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค.เพิ่มขึ้น 36 เซนต์ หรือ 0.44% ปิดที่ 82.52 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 2.3% ในรอบสัปดาห์นี้
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน มิ.ย. ลดลง 39.50 ดอลลาร์ หรือ 1.92% ปิดที่ 2,015.80 ดอลลาร์/ออนซ์ และลดลง 0.5% ในรอบสัปดาห์นี้
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,592.67 ลบ 4.43 จุด (-0.28%) Trading Volume: 44,756.11 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มธนาคาร (-0.19%) ตามด้วยกลุ่มพลังงาน (+0.25%) และกลุ่มพาณิชย์ (-0.63%) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,024.21 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดแกว่งตัว 1 bp แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิด ปิดปรับลดลง 1 bp
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับขึ้น 1 bp
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับขึ้น 1 bp
      • IRS SWAP ปิดปรับขึ้น 1 bp
      • นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 7,196.32 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,010.75 ล้านบาท
ที่มา : Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9

กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นคุณภาพสูงทั่วโลก
คลิก: KFGBRAND-A | KFGBRAND-D | KFGBRANSSF | KFGBRANRMF 
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน