สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
08/03/2566

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับตัวลดลงหลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงกว่าคาด เพื่อฉุดเงินเฟ้อให้ลดลงสู่ระดับเป้าหมายของเฟด
  • นายพาวเวลได้แถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งบ่งชี้ว่าอัตราดอกเบี้ยขั้นสุดท้าย (Terminal Rate) ของเฟดจะอยู่สูงกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ และหากข้อมูลทั้งหมดบ่งชี้ว่าเฟดควรคุมเข้มนโยบายการเงินให้เร็วขึ้น เฟดก็จะเพิ่มความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
  • นายพาวเวลยังกล่าวด้วยว่า แม้ว่าเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัวลงหลังจากแตะจุดสูงสุดในปีที่แล้ว แต่กระบวนการที่จะทำให้เงินเฟ้อลดลงสู่ระดับเป้าหมาย 2% ยังคงเป็นหนทางอีกยาวไกลและไม่ราบรื่น และภารกิจในการต่อสู้เงินเฟ้อของเฟดยังคงไม่สิ้นสุด โดยเฟดจำเป็นที่จะต้องคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไปอีกระยะหนึ่ง
  • FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า หลังจากนายพาวเวลเสร็จสิ้นการแถลงต่อคณะกรรมาธิการฯวุฒิสภา นักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 70% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเมื่อวันจันทร์ที่ระดับ 31%
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีซึ่งเป็นพันธบัตรที่สะท้อนถึงการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยในระยะสั้น พุ่งขึ้นแตะระดับ 5% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 2550 ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อหุ้นเติบโต (Growth Stocks) โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย อีกทั้งต้องพึ่งพาผลกำไรและการเติบโตในอนาคต
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ โดยปรับตัวลงวันเดียวมากที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดแสดงความเห็นสนับสนุนการคุมเข้มนโยบายการเงินเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
  • นักเศรษฐศาสตร์ของซิตี้กรุ๊ปคาดการณ์ว่า ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ทั้งในเดือน มี.ค. และ พ.ค. ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยแตะระดับประมาณ 4% ภายในเดือน ก.ค. โดย ECB ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3.0% แล้วนับตั้งแต่เดือน ก.ค.
  • ยอดค้าปลีกของยูโรโซนเพิ่มขึ้น 0.3% จากเดือนก่อนหน้าในเดือน ม.ค. หลังจากลดลง 1.7% ในเดือน ธ.ค. ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดว่าอาจเพิ่มขึ้น 1.0%
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดร่วงลงกว่า 1% ในวันนี้ หลังจากจีนกำหนดเป้าหมายผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปีนี้ต่ำกว่าความคาดหมายของตลาด นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากรายงานการส่งออกและนำเข้าของจีนที่ปรับตัวลงในช่วงเดือน ม.ค. - ก.พ.
  • ยอดส่งออกของจีนในเดือน ม.ค. - ก.พ. ลดลง 6.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน หลังจากลดลง 9.9% ในเดือน ธ.ค. และดีกว่าที่ตลาดคาดว่าอาจลดลง 9.4% โดยยอดส่งออกลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ท่ามกลางอุปสงค์จากต่างประเทศที่อ่อนแอ ส่วนยอดนำเข้าลดลง 10.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน หลังจากลดลง 7.5% ในเดือน ธ.ค. และต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าอาจลดลง 5.5% โดยยอดนำเข้าลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันเช่นกัน ท่ามกลางอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอ ส่งผลให้จีนเกินดุลการค้า 1.169 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ซื้อขายในแดนบวกตลอดทั้งวัน ปิดปรับตัวสูงขึ้น โดยเป็นการฟื้นตัวหลังจากปรับตัวลดลง 8 วันติดต่อกัน รวมถึงได้แรงหนุนจากตัวเลขเงินเฟ้อของไทยที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาด ส่งผลให้ตลาดคาดว่าอัตราดอกเบี้ยของไทยอาจปรับขึ้นอีกไม่มาก ในขณะที่ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคปิดปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน
  • อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยลดลง 0.12% จากเดือนก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 3.79% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน ก.พ. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.30% จากเดือนก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 5.02% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน ม.ค. เนื่องจากราคาอาหารสดลดลงจากเดือนก่อนหน้า ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารสดและพลังงานเพิ่มขึ้น 0.11% จากเดือนก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 1.93% จากช่วงเดียวกันปีก่อน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.08% จากเดือนก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 3.04% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน ม.ค.

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

จากถ้อยแถลงของนายพาวเวลที่กล่าวถึงข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ออกมาแข็งแกร่งมากกว่าคาดการณ์ ส่งผลให้เฟดอาจต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยและยาวนานมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ จนกว่าเงินเฟ้อจะกลับมาจนถึงเป้าหมายที่ 2% ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐในช่วงนี้จะยังคงมีความผันผวน แต่ในขณะเดียวกันถือว่าเป็นโอกาสอันดีในการทยอยสะสมหุ้นในพอร์ตการลงทุน

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,856.46 จุด ร่วงลง 574.98 จุด หรือ -1.72%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,986.37 จุด ลดลง 62.05 จุด หรือ -1.53% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,530.33 จุด ร่วงลง 145.40 จุด หรือ -1.25%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 460.60 จุด ลดลง 3.58 จุด หรือ -0.77%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,285.10 จุด ลดลง 36.93 จุด หรือ -1.11%
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย. ร่วงลง 2.88 ดอลลาร์ หรือ 3.6% ปิดที่ 77.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน เม.ย. ร่วงลง 34.60 ดอลลาร์ หรือ 1.87% ปิดที่ 1,820 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. ปีนี้
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,618.51 บวก 11.63 จุด (+0.72%) Trading Volume: 57,545.50 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มไอซีที (+0.21%) ตามด้วยกลุ่มพลังงาน (+0.92%) และกลุ่มธนาคาร (+0.37%) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,368.92 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับลดลง 1-6 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1-3 bps
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 3-5 bps
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 1-10 bps
      • IRS SWAP ปิดปรับลดลง 5-10 bps
    • นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 55,179.97 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 7,441.86 ล้านบาท
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นคุณภาพสูงทั่วโลก
คลิก: KFGBRAND-A | KFGBRAND-D | KFGBRANSSF | KFGBRANRMF
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน