Login@ccess
LoginEm@ccess
TH
เกี่ยวกับบลจ.กรุงศรี
ข่าว/ประกาศกองทุน
สรุปภาวะตลาด
วางแผนการลงทุน
ติดต่อเรา
การทำรายการซื้อ-ขาย
เมนูหลัก
ค้นหา
Home
เข้าสู่ระบบ
@ccess online
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD)
Seminar Booking
กองทุนรวม
หน้าหลักกองทุนรวม
กองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารตลาดเงิน
กองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้
กองทุนผสม
กองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้น
กองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ
กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF)
กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF)
กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG)
กองทุนกรุงศรี 2TM
กองทุนอสังหาริมทรัพย์
กองทุนที่ลงทุนในทรัพย์สินทางเลือก
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
เกี่ยวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
Employee’s choice
ตารางวันคำนวณจำนวนหน่วย
แบบประเมินความเสี่ยง
ติดต่อกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
จุดเด่นของ บลจ.กรุงศรี
มูลค่าหน่วยลงทุน
ผลการดำเนินงานกองทุนรวม
Krungsri @ccess Mobile App
ลงทุนกองทุนกรุงศรี
สะดวกกว่านี้ ไม่มีอีกแล้ว
ดูเพิ่มเติม
ราคาหน่วยลงทุนย้อนหลัง
ผลการดำเนินงานย้อนหลัง
Quicklink
ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม
สมัครบริการ @ccess online
กองทุนรวม
เปิดบัญชีและทำรายการ
ทดสอบระดับความเสี่ยง
หนังสือรับรองฯ SSF/ RMF/ Thai ESG/ LTF/ หักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิฯ)
แจ้งความประสงค์ใช้สิทธิภาษี SSF/ RMF/ Thai ESG
ค้นหา
หน้าหลัก
>
วางแผนการลงทุน
>
เรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุน
>
แนวโน้มตลาดหุ้นช่วงสิ้นปี 2561
Quicklink
ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม
สมัครบริการ @ccess online
กองทุนรวม
เปิดบัญชีและทำรายการ
ทดสอบระดับความเสี่ยง
หนังสือรับรองฯ SSF/ RMF/ Thai ESG/ LTF/ หักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิฯ)
แจ้งความประสงค์ใช้สิทธิภาษี SSF/ RMF/ Thai ESG
เข้าสู่ระบบ
@ccess online
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD)
แนวโน้มตลาดหุ้นช่วงสิ้นปี 2561
โดย ดร. ฐนิตพงศ์ ชื่นภิบาล
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารความเสี่ยงด้านการลงทุน บลจ. กรุงศรี จำกัด
ตลอดปี 2561 ที่ผ่านมานี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวนอย่างมาก โดยบรรยากาศการลงทุนในช่วงต้นปีสดใส จากความคาดหวังต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย หลังตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศเศรษฐกิจหลักออกมาดีต่อเนื่อง ส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี และทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,838.96 จุด ในวันที่ 24 มกราคม 2561 หลังจากนั้น ดัชนียังคงแกว่งตัวอยู่ระหว่าง 1,751 – 1,837 จุดจนถึงต้นเดือนเมษายน ก่อนที่จะร่วงลงกว่า 40 จุดในวันที่ 4 เมษายน 2561 จากการที่สหรัฐฯประกาศจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนจำนวน 1,300 รายการ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าที่ดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้
นอกจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงแล้ว ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ส่งผลลบต่อบรรยากาศการลงทุน เช่น ปัญหางบประมาณของอิตาลี ความไม่แน่นอนของกรณีที่สหราชอาณาจักรจะถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯกับซาอุดิอาระเบียจากกรณีนักข่าวถูกฆาตกรรมในสถานกงสุลซาอุดิอาระเบียในประเทศตุรกี การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ การร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี การร่วงของราคาน้ำมัน เป็นต้น โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยในปีนี้ทำระดับต่ำสุดที่ 1,595.58 จุด เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน และตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 ถึงวันที่ 7 ธันวาคม 2561 นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิรวม 281,075.77 ล้านบาท (ข้อมูลจาก (settrade.com) ซึ่งเป็นการขายสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์
สำหรับในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าแนวโน้มปริมาณการซื้อขายจะค่อยๆเบาบางลงดังเช่นที่เกิดขึ้นทุกๆปี เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติเริ่มหยุดการซื้อขายก่อนเข้าช่วงเทศกาลคริสต์มาส ในขณะที่นักลงทุนสถาบันในประเทศ ซึ่งตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 7 ธันวาคม 2561 ซื้อสุทธิสะสมรวม 188,294.42 ล้านบาท ยังคงมีแนวโน้มที่จะซื้อสุทธิต่อ เนื่องจากคาดว่าจะมีเงินลงทุนไหลเข้าในกองทุน LTF และ RMF อย่างไรก็ดี เงินลงทุนที่เข้ามาซื้อ LTF ในช่วงที่เหลือของปีนี้อาจจะไม่มากนัก เนื่องจากมีเงินทยอยเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่องตลอดปีนี้ ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิมาตลอด และช่วยลดผลกระทบจากการขายสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศ
จากการประเมินโดยใช้ข้อมูลจากมอร์นิ่งสตาร์ พบว่าในช่วง 11 เดือนแรก มีเงินไหลเข้าลงทุนสุทธิใน LTF ราว 1.134 หมื่นล้านบาท เทียบกับเมื่อช่วง 11 เดือนแรกของปี 2560 ที่มีเงินไหลออกสุทธิ ราว 1.129 หมื่นล้านบาท โดยหากประเมินว่าในปีนี้จะมีเงินไหลเข้าลงทุนใน LTF เท่ากับในปี 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งมีเงินไหลเข้าลงทุนสุทธิราว 1.413 หมื่นล้านบาท ก็หมายความว่าอาจมีเงินไหลเข้าลงทุนเพิ่มอีกเพียงประมาณ 3 พันล้านบาทในเดือนธันวาคมนี้
ในแง่ของข้อมูลทางสถิติ ในช่วง 10 ปีล่าสุด (2551 – 2561) ดัชนีผลตอบแทนรวมของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเดือนธันวาคมปรับตัวลดลงเพียง 3 ครั้ง โดยเกิดขึ้นในปี 2556 (-5.22%) 2557 (-6.00%) 2558 (-5.21%) ในขณะที่ปีอื่นๆดัชนีปรับตัวขึ้นระหว่าง 2.25% (ปี 2559) – 12.14% (ปี 2551 โดยเป็นการฟื้นตัวหลังจากร่วงลงแรงจากวิกฤตการเงินของสหรัฐฯ) แต่อย่างไรก็ดี ถึงแม้สถิติบ่งชี้ว่าตลาดหุ้นไทยมักจะปรับตัวขึ้นในเดือนธันวาคม แต่เหตุการณ์ในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันว่าจะเกิดขึ้นแบบเดียวกันในอนาคต
สำหรับปัจจัยอื่นๆที่อาจส่งผลต่อทิศทางตลาดหุ้นไทย นอกจากแนวโน้มของการไหลเข้าของเงินลงทุนใน LTF และ RMF แล้ว ทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่น่าติดตาม โดยล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐฯส่งสัญญาณว่าอาจขึ้นดอกเบี้ยน้อยกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ และตลาดได้ตอบรับไปพอสมควรแล้ว ในส่วนของความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า ถึงแม้สหรัฐฯและจีนตกลงที่จะยังไม่มีการเก็บภาษีเพิ่มเติม โดยขยายระยะเวลาออกไปอีก 90 วัน เพื่อเปิดโอกาสในการเจรจาแก้ไขปัญหา แต่การที่ประธานเจ้าหน้าที่การเงินของบริษัทหัวเหว่ยถูกจับกุมในแคนาดาจากข้อกล่าวหาว่าหัวเหว่ยส่งออกชิ้นส่วนที่ผลิตในสหรัฐฯไปยังอิหร่าน ซึ่งเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายคว่ำบาตร ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าปัญหาสงครามการค้าอาจมีอุปสรรคในการเจรจา และอาจเป็นปัจจัยรบกวนบรรยากาศการลงทุนในช่วงต่อไป สำหรับความกังวลเกี่ยวกับ Brexit และปัญหางบประมาณของอิตาลี น่าจะไม่มีความคืบหน้ามากนักในช่วงที่เหลือของปีนี้ หลังจากนายกรัฐมนตรีอังกฤษเลื่อนการเปิดให้สมาชิกรัฐสภาลงมติในข้อตกลงการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปออกไป
ส่วนปัจจัยภายในประเทศ ส่วนใหญ่เป็นไปในเชิงบวก ได้แก่ แนวโน้มการบริโภคภาคเอกชนยังคงแข็งแกร่ง ยอดจองรถในงานมหกรรมยานยนต์อยู่ในระดับสูง จำนวนนักท่องเที่ยวจีนมีแนวโน้มดีขึ้น และการปลดล็อคให้พรรคการเมืองเริ่มหาเสียงได้ ในขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยส่งสัญญาณว่าพร้อมที่จะขึ้นดอกเบี้ย เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มดีขึ้น
จะเห็นได้ว่าหากพิจารณาจากปัจจัยภายในประเทศ ตลาดหุ้นไทยน่าจะปรับตัวสูงขึ้น แต่ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยกลับปรับตัวลดลงจากปัจจัยจากต่างประเทศเป็นหลัก ส่งผลให้ราคาปิดต่อกำไรสุทธิหรือค่าพีอีเรโชของตลาดหุ้นไทยอยู่ในระดับที่น่าสนใจ ดังนั้น ถึงแม้ในระยะสั้นยังมีปัจจัยที่กดดันตลาดอยู่ แต่ด้วยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยแล้ว ทิศทางตลาดหุ้นในระยะยาวยังคงมีแนวโน้มที่ดี นักลงทุนที่สามารถรับความผันผวนของตลาดได้สูง จึงอาจมองเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนครับ
ย้อนกลับ
วางแผนการลงทุน
เริ่มต้นการลงทุน
เรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุน
วางแผนเพื่อลดหย่อนภาษี
แบบทดสอบระดับความเสี่ยง
คำนวณเงินลงทุนใน SSF
คำนวณเงินลงทุนใน RMF
คำนวณเงินลงทุนใน Thai ESG
@ccess Mobile Application
ทำรายการกองทุนสะดวกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
เลือกกองทุนที่คุณสนใจ
-
คุกกี้
เว็บไซต์ของบริษัทมีการจัดเก็บข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบคุกกี้ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้นให้แก่คุณ รวมถึงนำเสนอเนื้อหา และประชาสัมพันธ์สิทธิประโยชน์ที่ตรงกับความต้องการ การกดปุ่ม
“ตกลงทั้งหมด”
จะช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์เต็มรูปแบบในการใช้งานเว็บไซต์ของบริษัท ทั้งนี้ คุณสามารถกำหนดการตั้งค่าคุกกี้แต่ละประเภทได้ตามที่คุณต้องการโดยกดปุ่ม
“ตั้งค่าคุกกี้”
โดยคุณสามารถคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ประกาศการใช้งานคุกกี้
ของบริษัท
×
คุกกี้
คุกกี้ที่มีความจำเป็นต่อการใช้งานเว็บไซต์
Always Active
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการทำงานขั้นพื้นฐานของเว็บไซต์ ตัวอย่างเช่น การจดจำหน้าเว็บไซต์ที่คุณเข้าใช้งานล่าสุด การสำรวจหน้าเว็บไซต์ การจดจำรหัสของผู้เข้าใช้งาน หรือ ทำให้ผู้เข้าชม/ผู้ใช้เว็บไซต์เข้าสู่ระบบและสามารถเข้าถึงส่วนของเว็บไซต์ที่ถูกสงวนสิทธิ์ไว้สำหรับสมาชิกเท่านั้น เว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องหากไม่มีการเก็บรวบรวมคุกกี้เหล่านี้ การจัดเก็บคุกกี้ประเภทนี้จึงไม่มีความจำเป็นต้องขอความยินยอมจากคุณเพราะคุกกี้ประเภทนี้ไม่ได้มีการจัดเก็บข้อมูลซึ่งสามารถระบุตัวตนของคุณได้อย่างเฉพาะเจาะจงแต่อย่างใด
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเว็บไซต์
คุกกี้ประเภทนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ ตัวอย่างเช่น การจดจำการตั้งค่าภาษา ภูมิภาค ขนาดตัวอักษรของคุณในการใช้งานเว็บไซต์ นับจำนวนและแหล่งที่มาของผู้เข้าชม/ผู้ใช้เว็บไซต์ เพื่อให้ทราบว่าผู้เข้าชม/ผู้ใช้เว็บไซต์มีการปฏิสัมพันธ์กับหน้าเว็บไซต์อย่างไร และหน้าเว็บไซต์ใดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดหรือน้อยที่สุด โดยการเก็บรวบรวมและการรายงานข้อมูลโดยไม่ระบุตัวตนของคุณอย่างไม่เฉพาะเจาะจงจะช่วยให้สามารถพัฒนาและมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ที่ดียิ่งขึ้น หากคุณไม่อนุญาตให้ใช้คุกกี้ประเภทนี้ อาจทำให้ไม่ทราบได้ว่าคุณเคยเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์เมื่อใดและไม่สามารถติดตามประสิทธิภาพการประมวลผลของหน้าเว็บไซต์ได้
คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูล
คุกกี้ประเภทนี้จะทำให้เว็บไซต์สามารถตอบสนองตามความพึงพอใจของคุณ โดยทำให้เราทราบถึงพฤติกรรมในการเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ รวมถึงรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการเข้าใช้งานเว็บไซต์ ตัวอย่างเช่น สามารถจดจำการเข้าใช้งานเว็บไซต์ได้สำหรับคุณในครั้งถัดไป ทำให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาสิ่งที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย และช่วยให้เราเข้าใจถึงความสนใจของผู้ใช้ และวัดประสิทธิผลของโฆษณาของเรา คุกกี้ประเภทนี้อาจถูกติดตั้งไว้โดยบริษัทหรือผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลที่สาม หากคุณไม่อนุญาตให้ใช้คุกกี้ประเภทนี้ การให้บริการบางอย่างของเว็บไซต์อาจไม่สามารถประมวลผลได้อย่างถูกต้อง
คุกกี้สำหรับสื่อสังคมออนไลน์
คุกกี้ประเภทนี้สำหรับฟังก์ชั่นการกดไลค์ แชร์ หรือสมัครสมาชิกบนเว็บไซต์ที่เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์
คุณยืนยันลบข้อมูลการเก็บคุกกี้ของเว็บไซต์ของบริษัท ซึ่งไม่รวมถึงการจัดเก็บของบุคคลที่สาม เช่น Chrome, Firefox, Internet Explorer, Safari ฯลฯ ที่คุณต้องไปดำเนินการด้วยตนเอง