สงครามการค้าจะดีขึ้นหรือไม่


โดย   ดร. ฐนิตพงศ์ ชื่นภิบาล

ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารความเสี่ยงด้านการลงทุน บลจ. กรุงศรี จำกัด

 

ระหว่างที่เขียนบทความนี้ ผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่มีแนวโน้มว่าพรรคเดโมแครตจะได้ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร และพรรคริพับลิกันของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะได้ครองเสียงข้างมากในสภานิติบัญญัติตามคาด ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อบรรยากาศการลงทุน เนื่องจากจะมีการคานอำนาจกันในสภา 
 
การเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯถือเป็นหนึ่งในจุดสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อสงครามการค้า และในหลายๆด้าน เนื่องจากในช่วงก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ดำเนินมาตรการต่างๆที่สร้างความผันผวนให้แก่ตลาดโลก โดยหลายฝ่ายมองว่าส่วนหนึ่งเป็นการทำเพื่อผลของการเลือกตั้งกลางเทอม ในขณะที่ทางฝ่ายจีนปฏิเสธที่จะพูดคุยกับสหรัฐฯจนกว่าจะผ่านการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯไปแล้ว เนื่องจากมองว่า การเจรจาทางการค้ากับสหรัฐฯก่อนการเลือกตั้งไม่น่าจะได้ข้อสรุปที่ดี เพราะมีผลประโยชน์เกี่ยวกับการเลือกตั้งของสหรัฐฯแฝงอยู่

อย่างไรก็ดี ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งกลางเทอมเพียงไม่กี่วัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้พลิกกลับมาส่งสัญญาณว่าการเจรจาทางการค้ากับจีนดำเนินไปได้ด้วยดี และคาดว่าจะมีการพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนในช่วงการประชุมจี 20 ที่อาร์เจนติน่าในช่วงปลายเดือนนี้ ในขณะที่ทางการจีนระบุไปในทิศทางที่ใกล้เคียงกันว่าพร้อมที่จะพูดคุยกับสหรัฐฯเพื่อขจัดปัญหาความขัดแย้งทางการค้า

ทั้งนี้ ถึงแม้สหรัฐฯและจีนมีการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าระหว่างกัน แต่ในช่วงที่ผ่านมา มูลค่าการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนไม่ได้ลดลง แต่กลับเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งนักวิเคราะห์หลายรายมองว่าเป็นผลจากการเร่งนำเข้าก่อนที่การเก็บภาษีจะมีผลบังคับใช้

หากมองในเชิงบวก มาตรการภาษีของสหรัฐฯและจีนไม่ได้รุนแรงอย่างที่หลายฝ่ายกังวล เพราะมีการเก็บภาษีในระดับต่ำกว่าที่คาดในช่วงแรก และเปิดช่องทางในการเจรจาไว้ สะท้อนว่าทั้ง 2 ฝ่ายยังคงมีความประนีประนอมกันพอสมควร รวมถึงทั้ง 2 ฝ่ายคงเริ่มเห็นผลกระทบจากมาตรการเก็บภาษีชุดแรกที่ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศของตน โดยเฉพาะในภาคการผลิตและการบริโภคที่มีต้นทุนสูงขึ้น

ในส่วนของจีน นักวิเคราะห์หลายรายมองว่าเศรษฐกิจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากสงครามการค้า ส่งผลให้รัฐบาลจีนต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การปรับลดการกันสำรองขั้นต่ำของภาคธนาคารเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในระบบ การปรับโครงสร้างภาษีบุคคลธรรมดาเพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น เพื่อลดผลกระทบจากสงครามการค้า โดยจีนยังคงมีความสามารถในการดำเนินมาตรการต่างๆอีกมาก และมีตลาดการบริโภคเป็นประชากรในประเทศที่มีอยู่กว่า 1,400 ล้านคน จากประชากรโลกทั้งหมดกว่า 7,630 ล้านคนในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา (ข้อมูลจาก worldpopulationreview.com

ในขณะที่ทางด้านสหรัฐฯ ตัวเลขเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยจีดีพีไตรมาส 3/61 โต 3.50% ตามการใช้จ่ายของผู้บริโภค สอดคล้องกับตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยหนุนให้ผู้บริโภคมีความสามารถในการใช้จ่ายที่มากขึ้น

อย่างไรก็ดี ถึงแม้ทั้งสหรัฐฯและจีนยังสามารถบริหารจัดการเศรษฐกิจของประเทศของตนได้ แต่การปล่อยให้ปัญหาความขัดแย้งทางการค้ายืดเยื้อต่อไป จนอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ย่อมไม่ใช่ทางเลือกที่ดี เปรียบเหมือนคนที่รู้ว่าตัวเองเป็นแผลและแผลมีโอกาสลุกลาม แต่ไม่ยอมรักษา ก็มีโอกาสที่จะสูญเสียอวัยวะหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้  ดังนั้น สหรัฐฯและจีนจึงน่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ทางออกที่เหมาะสมที่สุดในเร็ววัน ก่อนที่ผลกระทบจะลุกลามบานปลาย 

ทั้งนี้ คาดว่าสหรัฐฯและจีนมีการพูดคุยกันอย่างต่อเนื่อง และการเจรจาทางการค้าน่าจะมีความคืบหน้าพอสมควร โดยทางจีนยังคงยึดมั่นถึงการเจาจาที่เป็นธรรมและจริงใจ พร้อมที่จะเปิดตลาดมากขึ้น ให้คำมั่นว่าจะมีการนำเข้ามากขึ้น รวมถึงให้ความสำคัญกับการคุ้มครองสินทรัพย์ทางปัญญา ซึ่งตรงกับที่ทางสหรัฐฯใช้เป็นข้ออ้างในการทำสงครามการค้า แต่สิ่งที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้คือ การที่สหรัฐฯกลับขาดดุลค้าให้จีนเพิ่มขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯเริ่มดำเนินมาตรการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน และน่าจะมีข้อเรียกร้องบางประการที่ทางการจีนอาจไม่สามารถปฏิบัติตามได้ เช่น การให้ประชาชนจีนสามารถเข้าถึงเวปไซต์สังคมออนไลน์ที่ถูกทางการจีนปิดกั้น เพื่อรับข่าวสารจากทางด้านสหรัฐฯ ซึ่งทางการจีนไม่สามารถควบคุมได้

อย่างไรก็ดี เชื่อว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์น่าจะใช้ความพยายามในการแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการค้ากับจีน เพราะประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เองก็มีพื้นฐานเป็นนักธุรกิจ จึงทราบดีว่าการตัดความสามารถในการแข่งขันของตนไม่ใช่เรื่องที่ดี แต่ปัญหาที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อาจเผชิญคือ แรงต้านจากฝ่ายขวาจัดในรัฐบาลของเขาเอง  ในส่วนของจีนซึ่งมองว่าตนปฏิบัติตามกฏขององค์การการค้าโลกอย่างเคร่งครัด จึงมองว่าตนไม่ได้ผิดอะไร แต่ก็พร้อมที่จะเปิดตลาดมากขึ้น แต่อาจติดปัญหาในเรื่องของความรวดเร็วในการปฏิบัติ เพราะการปรับเปลี่ยนบางอย่างไม่สามารถทำได้ทันทีเนื่องจากอาจส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมได้




 

 

ย้อนกลับ

@ccess Mobile Application

ทำรายการกองทุนสะดวกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว