จับทิศเศรษฐกิจโลก จับเทรนด์ลงทุน 2567


ดร. ฐนิตพงศ์ ชื่นภิบาล
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารความเสี่ยงด้านการลงทุน บลจ.กรุงศรี จำกัด


นับจากนี้เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะสิ้นสุดปีเก่าเข้าสู่ปีใหม่แล้วนะครับ สำหรับการลงทุนในปีนี้เป็นปีที่ยากลำบากอีกปีหนึ่ง เนื่องจากทรัพย์สินเกือบทุกประเภทปรับตัวลดลงจากผลของการขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางอื่นๆ ในหลายประเทศ เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ ถึงแม้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่ง สามารถรองรับการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดได้ และไม่มีแนวโน้มที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างที่หลายฝ่ายกังวล แต่การปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐส่งผลให้ความน่าสนใจในการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ ลดลง โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้น ซึ่งมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล
อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจโลกในปีหน้าน่าจะมีทิศทางดีขึ้น โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานต่ำ  ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ลดลงจากปีนี้ เนื่องจากแรงส่งจากการฟื้นตัวและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังการระบาดของโควิด-19 เริ่มหมดไป ในส่วนของเศรษฐกิจยุโรปน่าจะได้ผลดีจากฐานต่ำชัดเจน เนื่องจากในปีนี้เศรษฐกิจยุโรปได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ในปีนี้ปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปีในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จึงมีโอกาสที่ PMI ของยุโรปจะปรับตัวดีขึ้นในปีหน้า ซึ่งจะส่งผลทางจิตวิทยาการลงทุน สำหรับเศรษฐกิจจีนก็น่าจะได้ประโยชน์จากฐานต่ำเช่นกัน เนื่องจากในปีนี้เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่รัฐบาลจีนต้องการให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ และปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์และการหดตัวของการส่งออกเป็นปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่น 

สำหรับเศรษฐกิจไทยในปีนี้โตต่ำกว่าที่คาด โดยมีสาเหตุหลักจากการหดตัวของการส่งออก การใช้จ่ายภาครัฐหดตัวจากฐานสูง และการท่องเที่ยวฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ส่วนหนึ่งเป็นผลจากข้อจำกัดด้านจำนวนเที่ยวบินและความล่าช้าในการออกวีซ่า อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายของผู้บริโภคเติบโตอย่างแข็งแกร่งหลังเศรษฐกิจฟื้นตัวจากการระบาดของโควิด และราคาสินค้าเกษตรเติบโตดี สำหรับในปีหน้า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น โดยได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และหากเศรษฐกิจจีนกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ไทยจะได้ประโยชน์จากการเติบโตของการส่งออกและการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจากจีนเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทย และจีนเป็นประเทศที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในไทยสูงที่สุด นอกจากนี้ การที่จีนเป็นผู้ผลิตและผู้บริโภครายใหญ่ ดังนั้น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโลกอย่างมาก และจะส่งผลต่อเนื่องมายังการเติบโตของเศรษฐกิจไทย

นอกจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของหลายๆประเทศที่มีแนวโน้มส่งผลให้เศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้นในปีหน้า สิ่งที่นักลงทุนคาดหวังเพิ่มเติมคือ การลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลายประเทศ ซึ่งจะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวดีขึ้น เนื่องจากการลดดอกเบี้ยจะส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมลดลง เป็นผลให้บริษัทต่างๆมีความสามารถในการลงทุนเพิ่มขึ้น และผู้บริโภคมีความสามารถในการใช้จ่ายมากขึ้น

ทั้งนี้ ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยในปีหน้า แต่ยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับจำนวนครั้งในการปรับลดดอกเบี้ยสำหรับปี 2567 โดยคณะกรรมการเฟดคาดว่าจะมีการประกาศลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ในขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนประเมินว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้ง เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะแข็งแกร่งต่อเนื่อง และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทรงตัวอยู่ในระดับสูงนานกว่าที่คาด 
ในอีกด้านหนึ่ง นักวิเคราะห์บางส่วนประเมินว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ย 3 – 4 ครั้ง เนื่องจากประเมินว่าการที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง ซึ่งส่งผลให้ตลาดการเงินและตลาดสินเชื่อตึงตัว และผู้บริโภคต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยสูงขึ้น ส่งผลให้ความสามารถในการใช้จ่ายลดลง และมีแนวโน้มส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงมากหรืออาจเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงกลางปีหน้า เฟดจึงจำเป็นที่จะต้องลดดอกเบี้ยมากกว่าที่คาด
ในส่วนของธนาคารกลางยุโรป ถึงแม้เศรษฐกิจยุโรปอ่อนแอกว่าที่คาดมาก และมีโอกาสที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่าธนาคารกลางยุโรปจะเริ่มประกาศลดดอกเบี้ยในช่วงกลางปีหน้า เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจยุโรปจะถดถอยไม่มากและเป็นการถดถอยระยะสั้นๆเท่านั้น

โดยสรุป เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยในปีหน้ามีแนวโน้มดีขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานต่ำ และอาจมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากการประกาศลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลักและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน อย่างไรก็ดี ความคาดหวังที่สูงของตลาดน่าจะส่งผลให้ตลาดมีความผันผวนมากขึ้น โดยแนวโน้มการประกาศลดดอกเบี้ยจะส่งผลให้กองทุนตราสารหนี้ระยะกลางและระยะยาวให้ผลตอบแทนที่ดี ในขณะที่กองทุนหุ้นน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีเช่นกันตามแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนฯ ที่ดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและต้นทุนการกู้ยืมที่ลดลง ทั้งนี้ นักลงทุนควรติดตามข้อมูลการลงทุนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากความไม่แน่นอนยังคงมีอยู่มาก
 
พบทุกคำตอบเรื่องเงินที่ Krungsri The Coach คลิกที่นี่ 







ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
สามารถสอบถามรายละเอียดข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.กรุงศรี  โทร. 02-657-5757
หรือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา

ย้อนกลับ

@ccess Mobile Application

ทำรายการกองทุนสะดวกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว