ปัจจัยสำคัญ 

• ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกลบสลับกันไปในวันที่ 24 พ.ย. ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบางเนื่องจากตลาดเปิดทำการเพียงครึ่งวัน หลังจากปิดทำการวันพฤหัสบดีเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า ขณะที่นักลงทุนพิจารณาแนวโน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเริ่มต้นฤดูกาลช้อปปิ้ง
• เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยในวันศุกร์ (24 พ.ย.) ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ทรงตัวที่ระดับ 50.7 ในเดือน พ.ย. โดยดัชนี PMI อยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคธุรกิจสหรัฐ
• สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า บริษัทหุ้นอินวิเดียได้เลื่อนการเปิดตัวชิปปัญญาประดิษฐ์ที่ออกแบบขึ้นตามกฎเกณฑ์การส่งออกของสหรัฐ ไปจนถึงไตรมาสแรกของปีหน้า
• ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันที่ 24 พ.ย. และปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มสื่อและกลุ่มค้าปลีก ขณะที่นักลงทุนประเมินข้อมูลจากเยอรมนีเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเศรษฐกิจ
• ตลาดให้ความสนใจไปที่การเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยในรอบสัปดาห์นี้ หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลง ขณะที่กลุ่มสื่อและกลุ่มค้าปลีกปรับตัวขึ้น อีกทั้งยังได้แรงหนุนจากการทำข้อตกลงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสเพื่อหยุดยิงและปล่อยตัวประกันด้วย
• เยอรมนีเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหดตัวลงเล็กน้อยในไตรมาส 3/2566 ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ขั้นต้นที่หดตัวลง 0.1% ขณะที่ความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวดีขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือน พ.ย.
• อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของญี่ปุ่นที่ไม่รวมหมวดอาหารสดแต่รวมหมวดพลังงานเพิ่มขึ้น 2.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน ต.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือน ก.ย. ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่รวมหมวดอาหารสดและพลังงานเพิ่มขึ้น 4.0% จากช่วงเดียวกันปีก่อน หลังจากเพิ่มขึ้น 4.2% ในเดือนก่อนหน้า
• ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) แบบรวมของญี่ปุ่น ในเบื้องต้นลดลงสู่ 50.0 ในเดือน พ.ย. จาก 50.5 ในเดือน ต.ค. โดย PMI ภาคการผลิตลดลงสู่ 48.1 จาก 48.7 ในขณะที่ PMI ภาคบริการเพิ่มขึ้นสู่ 51.7 จาก 51.6
• ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบในวันที่ 24 พ.ย. ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจจีนในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินแนวโน้มภาคธุรกิจของจีน
• ทางการจีนมีกำหนดเปิดเผยกำไรภาคอุตสาหกรรมประจำเดือน ต.ค. ในวันจันทร์ที่ 27 พ.ย. และจากนั้นในวันพฤหัสบดีที่ 30 พ.ย. จะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการประจำเดือน พ.ย.
• ตลาดหุ้นไทยวันที่ 24 พ.ย. เปิดตลาดปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในช่วงสั้น ก่อนที่จะร่วงลงซื้อขายในแดนลบตลอดช่วงที่เหลือของวัน โดยกลับมาปิดที่ต่ำกว่าระดับ 1,400 จุดอีกครั้ง ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายเบาบาง ในขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคมีทั้งปิดบวกและลบ

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

สรุปภาพรวมตลาด

• ต่างประเทศ
  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,390.15 จุด เพิ่มขึ้น 117.12 จุด หรือ +0.33%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,559.34 จุด เพิ่มขึ้น 2.72 จุด หรือ +0.06% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,250.85 จุด ลดลง 15.00 จุด หรือ -0.11%
  • รอบสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์บวก 1.3% ขณะที่ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1% และดัชนี Nasdaq บวก 0.9% โดยดัชนีทั้ง 3 ตัวปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อ
  • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 459.98 จุด เพิ่มขึ้น 1.51 จุด หรือ +0.33% และปรับตัวขึ้น 0.9% ในรอบสัปดาห์นี้
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,061.86 จุด เพิ่มขึ้น 18.25 จุด หรือ +0.60%
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 10.20 ดอลลาร์ หรือ 0.51% ปิดที่ 2,003.00 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค. ร่วงลง 1.56 ดอลลาร์ หรือ 2.02% ปิดที่ 75.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
• ในประเทศ
  • SET ปิดที่ 1,397.43 ลบ 9.18 จุด (-0.65%) Trading Volume: 32,807.18 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (-0.66%) และกลุ่มขนส่ง (-0.12%)  นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,153.46 ล้านบาท
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับขึ้น 1-5 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
    • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับขึ้น 1-3 bps
    • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับขึ้น 2-7 bps
    • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับขึ้น 1-4 bps
    • IRS SWAP ปิดปรับขึ้น 2-12 bps  
  • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 571.72 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 5,869.89 ล้านบาท