ปัจจัยสำคัญ 

• ตลาดหุ้นสหรัฐปิดผสมผสานในวันศุกร์ (22 ธ.ค.) การซื้อขายเป็นไปอย่างเบาบางก่อนตลาดปิดทำการในวันจันทร์ (25 ธ.ค.) เนื่องในวันคริสต์มาส และนักลงทุนปรับตัวรับการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงปีหน้า
• กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ (22 ธ.ค.) ว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือน พ.ย. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 2.9% ในเดือน ต.ค. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.8% เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวลง 0.1% ในเดือน พ.ย. จากระดับ 0.0% ในเดือน ต.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจทรงตัว
• ด้านดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ที่เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ ปรับตัวขึ้น 3.2% ในเดือน พ.ย. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 3.4% ในเดือน ต.ค. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.3% เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือน พ.ย. จากระดับ 0.1% ในเดือน ต.ค. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.2%
• ตลาดได้แรงหนุนจากการที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผย ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พุ่งขึ้น 5.4% ในเดือน พ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 2563 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่า อาจเพิ่มขึ้นเพียง 2.0% หลังจากดิ่งลง 5.1% ในเดือน ต.ค.
• ด้านยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบินและสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือน พ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากลดลง 0.3% ในเดือน ต.ค.
• FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 74.2% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00 - 5.25% ในการประชุมวันที่ 19 - 20 มี.ค.2567 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ให้น้ำหนักเพียง 62.7% นอกจากนี้ยังคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำนวน 6 ครั้งในปี 2567 โดยปรับลดครั้งละ 0.25% รวม 1.50% มากกว่าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.75%
• เฟดสาขาแอตแลนตาเปิดเผยแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.3% ในไตรมาส 4/2566 หลังจากมีการขยายตัว 2.2%, 2.1% และ 4.9% ในไตรมาส 1 2 และ 3 ตามลำดับ
• ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันศุกร์ (22 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่ชะลอลงเกินคาด ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบางก่อนวันหยุดเทศกาลคริสต์มาสในวันจันทร์ (25 ธ.ค.)
• นักลงทุนขานรับการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐที่ลดลงในเดือน พ.ย. เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปีครึ่ง ซึ่งทำให้การปรับตัวขึ้นรายปีของเงินเฟ้ออยู่ต่ำกว่า 3% และจะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. ปีหน้า นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในต้นปีหน้าเช่นกัน
• เศรษฐกิจอังกฤษในไตรมาส 3/66 หดตัว 0.1% จากไตรมาสก่อนหน้า และขยายตัว 0.3% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ซึ่งผิดไปจากที่ตลาดคาดว่าอาจโต 0.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน อย่างไรก็ดี ยอดค้าปลีกในเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้น 1.3% จากเดือนก่อนหน้า โดยเป็นการเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาด และเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. ตามการเพิ่มขึ้นของยอดขายสินค้าที่ไม่ใช่หมวดอาหาร สินค้าหมวดอาหาร และพลังงาน
• ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบในวันศุกร์ (22 ธ.ค.) หลังหน่วยงานกำกับดูแลเกมของจีนได้เปิดเผยร่างกฎระเบียบที่รวมถึงการควบคุมแรงจูงใจที่จะทำให้ผู้เล่นเกมกล้าที่จะใช้จ่ายเงินและเวลามากขึ้นในการเล่นเกม โดยกฎระเบียบดังกล่าวนั้นรวมถึงการห้ามบริษัทเกมในการให้รางวัลแก่ผู้เล่นที่ล็อกอินบ่อยครั้ง และแบนเนื้อหาของเกมที่เข้าข่ายละเมิดข้อมูลอันเป็นความลับของรัฐบาล การใช้กฎระเบียบที่เข้มงวดดังกล่าวบ่งชี้ว่ารัฐบาลจีนพร้อมที่จะออกมาตรการควบคุมอุตสาหกรรมเป็นวงกว้างจนครอบคลุมถึงอุตสาหกรรมเกมบนมือถือ โดยที่ผ่านมานั้น คณะบริหารของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง พยายามจัดการกับพฤติกรรมติดการเล่นเกม โดยอ้างว่าการเล่นเกมออนไลน์ทำให้เยาวชนมีภาวะสายตาสั้นเพิ่มขึ้น
• ตลาดหุ้นไทยปิดบวกในวันศุกร์ (22 ธ.ค.) โดยแกว่งตัวในกรอบแคบๆ แดนลบเกือบตลอดทั้งวัน ก่อนที่จะฟื้นตัวกลับมาปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า ในขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคมีทั้งปิดบวกและลบ นักลงทุนรอดูตัวเลข core PCE ของสหรัฐ

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

สรุปภาพรวมตลาด

• ต่างประเทศ
  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 37,404.35 จุด เพิ่มขึ้น 322.35 จุด หรือ +0.87%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,746.75 จุด เพิ่มขึ้น 48.40 จุด หรือ +1.03% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,963.87 จุด เพิ่มขึ้น 185.92 จุด หรือ +1.26%
  • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 476.94 จุด ลดลง 1.00 จุด หรือ -0.21%
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดตลาดที่ระดับ 2,918.71 จุด เพิ่มขึ้น 16.61 จุด หรือ +0.57%
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 3.60 ดอลลาร์ หรือ 0.18% ปิดที่ 2,051.30 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค. ลดลง 33 เซนต์ หรือ 0.44% ปิดที่ 73.89 ดอลลาร์/บาร์เรล
• ในประเทศ
  • SET ปิดที่ 1,404.84 บวก 4.47 จุด (+0.32%) Trading Volume: 38,760.88 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (+0.29%) ตามด้วยกลุ่มธนาคาร (+0.38%) และกลุ่มพาณิชย์ (+0.59%)  นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 479.25 ล้านบาท
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับลดลง 1-4 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
    • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1 bp
    • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 1-2 bps
    • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 1-4 bps
    • IRS SWAP ปิดแกว่งตัว 1 bp    
  • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 8,657.62 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 979.64 ล้านบาท  

• หุ้นสหรัฐ คลิก: KFNDQ-A | KFUS-A | KFUSINDX-A | KFUSSSF | KFUSRMF
• หุ้นคุณภาพสูงทั่วโลก คลิก: KFGBRAND-A | KFGBRAND-D | KFGBRANSSF | KFGBRANRMF
• หุ้นเทคโนโลยีทั่วโลก คลิก: KFGTECH-A | KFHTECH-A | KFGTECHRMF
• ดัชนี้หุ้นทั่วโลก คลิก: KFWINDX-A
• ตราสารหนี้ต่างประเทศคุณภาพดี คลิก: KFSINCFX-A | KF-CSINCOM | KF-SINCOME | KFSINCRMF