สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
24/08/2566

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวก โดยดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นกว่า 200 จุด ขานรับการคาดการณ์ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทอินวิเดีย (Nvidia) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในวันศุกร์นี้
  • หุ้นอินวิเดียพุ่งขึ้น 3.17% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการ ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าผลประกอบการในไตรมาส 2 ของปีงบการเงิน 2567 ของอินวิเดียจะยังคงแข็งแกร่ง โดยได้แรงหนุนจากกระแสความสนใจในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)
  • กลางเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา มอร์แกน สแตนลีย์ระบุในคำแนะนำถึงลูกค้าว่า อินวิเดียยังคงเป็นหุ้น "Top Pick" และคาดว่าผลประกอบการของอินวิเดียในช่วง 3-4 ไตรมาสข้างหน้าจะยังคงแข็งแกร่ง เมื่อพิจารณาจากการที่บริษัทจำนวนมากหันมาเพิ่มการใช้จ่ายในการซื้อชิป AI
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีชะลอตัวลงสู่ระดับ 4.227% เมื่อคืนนี้ หลังจากเอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นเดือน ส.ค.ของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 50.4 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน จากระดับ 52.0 ในเดือน ก.ค.
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 4.4% สู่ระดับ 714,000 ยูนิตในเดือน ก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 703,000 ยูนิต จากระดับ 684,000 ยูนิตในเดือน มิ.ย.
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกโดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะหยุดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย.นี้ หลังจากที่มีการเปิดเผยผลสำรวจบ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจในยูโรโซนชะลอตัวเกินคาดในเดือน ส.ค. โดยเฉพาะในเยอรมนีซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของยุโรป
  • ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) แบบรวมของยูโรโซน ในเบื้องต้นลดลงสู่ 47.0 ในเดือน ส.ค. จาก 48.6 ในเดือน ก.ค. โดย PMI ภาคการผลิตเพิ่มขึ้นสู่ 43.7 จาก 42.7 และ PMI ภาคบริการลดลงสู่ 48.3 จาก 50.9
  • PMI แบบรวมของญี่ปุ่นในเบื้องต้นเพิ่มขึ้นสู่ 52.6 ในเดือน ส.ค. จาก 52.2 ในเดือน ก.ค. โดย PMI ภาคการผลิตเพิ่มขึ้นสู่ 49.7 จาก 49.6 และ PMI ภาคบริการเพิ่มขึ้นสู่ 54.3 จาก 53.8
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในภาคอสังหาริมทรัพย์ ขณะเดียวกันข่าวการซื้อหุ้นคืนของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งแทบจะไม่สามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน
  • กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงของจีน โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ ได้สร้างแรงกดดันต่อตลาด เนื่องจากรัฐบาลจีนใช้มาตรการกระตุ้นไม่มากพอที่จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นได้ ซึ่งรวมถึงการที่ธนาคารกลางจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
  • ตลาดหุ้นไทยวานนี้ส่วนใหญ่ซื้อขายในแดนบวก ปิดปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคมีทั้งปิดบวกและลบ

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

การลงทุนในตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น จากภาพความชัดเจนทางการเมืองหลังจากมีรัฐบาลและมีการแต่งตั้งนายกคนที่ 30 ของประเทศไทย แนะนำลงทุนในหุ้นไทยตามสัดส่วนที่เหมาะสมของพอร์ตการลงทุน

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,472.98 จุด เพิ่มขึ้น 184.15 จุด หรือ +0.54% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,436.01 จุด เพิ่มขึ้น 48.46 จุด หรือ +1.10% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,721.03 จุด เพิ่มขึ้น 215.16 จุด หรือ +1.59
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 453.45 จุด เพิ่มขึ้น 1.75 จุด หรือ +0.39%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,078.40 จุด ลดลง 41.93 จุด หรือ -1.34%
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค. ลดลง 75 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 78.89 ดอลลาร์/บาร์เรล
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 22.10 ดอลลาร์ หรือ 1.15% ปิดที่ 1,948.10 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,549.01 บวก 3.41 จุด (+0.22%)  Trading Volume: 75,844.27 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายปานกลาง โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มธนาคาร (1.15%) ตามด้วยกลุ่มพลังงาน (-0.18%) และกลุ่มพาณิชย์ (0.82%) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 161.76 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับขึ้น 1-3 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับขึ้น 1-2 bps        
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับขึ้น 1-3 bps
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับขึ้น 1-3 bps
      • IRS SWAP ปิดปรับขึ้น 1-2 bps
    • นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 9,684.88 ล้านบาท  นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,065.18 ล้านบาท
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นไทย คลิก:
KFDYNAMIC | KFDNM-D | KFENS50-A | KFS100-A | KFENS50SSF | KFDNMRMF | KFS100RMF
 
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน