สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
14/06/2567

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกลบสลับกันไป ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบ แต่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำ New High ติดต่อกันเป็นวันที่ 4 โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก เพิ่มขึ้น 13,000 ราย สู่ระดับ 242,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน และสูงกว่าคาด และเปิดเผยดัชนี PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต เพิ่มขึ้น 2.2% ในเดือน พ.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.5% ซึ่งทำให้นักลงทุนยังคงมีความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย และยังส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีร่วงลงสู่ระดับต่ำกว่า 4.3%
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ โดยหุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลงจากความวิตกเกี่ยวกับการที่สหภาพยุโรป (EU) สั่งเก็บภาษีครั้งใหม่กับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่นำเข้าจากจีน โดยตลาดวิตกว่าจีนอาจจะตอบโต้ EU ซึ่งจีนระบุว่า การเก็บภาษีดังกล่าวเป็นการกีดกันทางการค้า และหวังว่า EU จะแก้ไขการปฏิบัติที่ผิดพลาดนั้น และแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าผ่านการเจรจา ด้านข้อมูลทางเศรษฐกิจของยุโรปบ่งชี้ว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนลดลง 0.1% จากเดือนก่อนหน้า และลดลง 3.0% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน เม.ย. โดยเป็นการลดลงมากกว่าที่คาด หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% จากเดือนก่อนหน้า และลดลง 1.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน มี.ค.
  • ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวพลิกปิดลบ เพราะความกังวลเกี่ยวกับการประชุมของ BOJ โดยเป็นที่คาดการณ์กันในวงกว้างว่า BOJ จะหารือเกี่ยวกับการลดการซื้อพันธบัตรรัฐบาลของตนลงไปอีก ซึ่งการซื้อพันธบัตรรัฐบาลอาจกดดันให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวพุ่งสูงขึ้น และส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมของบริษัทสูงขึ้นและความน่าซื้อของหุ้นลดลง ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังในการซื้อขายก่อนการเปิดเผยผลการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันนี้ (14 มิ.ย.)
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้า หลังจากสหภาพยุโรป (EU) ประกาศเรียกเก็บภาษีพิเศษกับยานยนต์ไฟฟ้าระบบแบตเตอรี (BEV) ที่มีการนำเข้าจากจีน นอกเหนือจากการเรียกเก็บภาษี 10% ในปัจจุบัน โดยบริษัท SAIC จะถูกเรียกเก็บภาษีพิเศษ 38.1% ขณะที่บริษัท Gleely ถูกเรียกเก็บ 20% และบริษัท BYD ถูกเรียกเก็บ 17.4% ซึ่งก่อให้เกิดเสียงคัดค้านและความกังวลจากรัฐบาลและภาคธุรกิจของประเทศต่างๆ ทั่วยุโรป
  • ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยช่วงเช้าส่วนใหญ่ซื้อขายในแดนบวก แต่กลับร่วงลงแกว่งตัวในแดนลบในช่วงบ่าย คาดว่านักลงทุนขายลดความเสี่ยงจากปัจจัยการเมืองภายในประเทศ โดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน สู่ระดับ 60.5 ในเดือน พ.ค. จาก 62.1 ในเดือน เม.ย. โดยมีสาเหตุจากความกังวลเกี่ยวกับการที่เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า และปัญหาการเมืองภายในประเทศ ในขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคมีทั้งปิดบวกและลบ&

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

จากการที่ ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำ New High ติดต่อกันเป็นวันที่ 4 โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง บ่งชี้ว่าตลาดมีความเชื่อมั่นว่าเฟดน่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงินมาในฝั่งผ่อนคลายมากขึ้นกว่าที่ได้ประกาศออกมาก่อนหน้า เพราะตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดที่ประกาศออกมาอยู่ในโซนชะลอตัว รวมถึงตัวเลขภาคแรงงานที่ไม่ได้ร้อนแรงจนเกินไป สำหรับนักลงทุนระยะยาวสามารถทยอยลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ได้

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,647.10 จุด ลดลง 65.11 จุด หรือ -0.17%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,433.74 จุด เพิ่มขึ้น 12.71 จุด หรือ +0.23% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,667.56 จุด เพิ่มขึ้น 59.12 จุด หรือ +0.34%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 516.04 จุด ลดลง 6.85 จุด หรือ -1.31%
    • ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 38,720.47 จุด ลดลง 156.24 จุด หรือ -0.40%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,028.92 จุด ลดลง 8.55 จุด หรือ -0.28%
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 12 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 78.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ส.ค. ลดลง 36.80 ดอลลาร์ หรือ 1.56% ปิดที่ 2,318.00 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,311.78 ลบ 4.91 จุด (-0.37%) Trading Volume: 38,334.23 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (-0.77%) ตามด้วยกลุ่มธนาคาร (+0.59%) และกลุ่มขนส่ง (+0.01%)  นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,024.95 ล้าน
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับลดลง 1-2 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1 bp
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 1 bp
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 1-2 bps
      • IRS SWAP ปิดปรับลดลง 1-4 bps
    • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 9,210.30 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 419.28 ล้านบาท
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน