สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
12/06/2567

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกลบผสมผสาน โดยดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบ แต่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำ New High ติดต่อกันเป็นวันที่ 2 โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นแอปเปิ้ลที่ทะยานขึ้น 7.3% ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากบริษัทประกาศแผนการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ารวมในผลิตภัณฑ์ของบริษัท เช่น iPhone iPad และ Mac ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยคณะกรรมการเฟดเปิดฉากการประชุมนโยบายการเงินแล้วเมื่อวานนี้ (11 มิ.ย.) และจะแถลงมติการประชุมในวันนี้ (12 มิ.ย.) ตามเวลาสหรัฐฯ นอกจากนี้ เฟดจะเปิดเผยรายงานคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจ รวมทั้งการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ของเจ้าหน้าที่เฟด โดยนักลงทุนจับตารายงานเหล่านี้อย่างใกล้ชิดเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ นำโดยตลาดหุ้นกลุ่มธนาคารในยุโรปที่ร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมืองในฝรั่งเศส หลังประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ หลังจากพรรคเนชันแนล แรลลี (National Rally - RN) ซึ่งเป็นพรรคขวาจัดชนะการเลือกตั้งรัฐสภายุโรป และยังส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรฝรั่งเศสอายุ 10 ปีอยู่ที่ระดับ 3.2437% แตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน ด้านอัตราการว่างงานของสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นสู่ 4.4% ในช่วงเดือน ก.พ. - เม.ย. จาก 4.3% ในช่วง 3 เดือนก่อนหน้า ขณะที่ตลาดจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในสัปดาห์นี้
  • ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ และกลุ่มเครื่องจักร กลุ่มเครื่องมือชั่งตวงวัด และกลุ่มโลหะที่ไม่มีส่วนผสมของเหล็ก ขณะที่หุ้นลบ ได้แก่ กลุ่มขนส่งทางทะเล กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ และกลุ่มขนส่งทางอากาศ อย่างไรก็ดี นิกเกอิย่อตัวลงในช่วงบ่ายเนื่องจากนักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟด และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบ โดยตลาดถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภค โดยตลาดจับตายอดการปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวนประจำเดือน พ.ค.ในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเศรษฐกิจของจีน ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ยอดปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวนจะดีดตัวขึ้นในเดือน พ.ค. จากระดับของเดือน เม.ย.
  • ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ทั้งในแดนบวกและลบ ปิดตลาดปรับตัวลดลง ทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในอาเซียน เนื่องจากนักลงทุนยังคงรอดูผลการประชุมเฟด ในขณะที่ปัจจัยในประเทศยังคงเป็นเรื่องความไม่แน่นอนทางการเมือง

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

คาดการณ์โอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมีน้อยลงหลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานเดือน พ.ค. ที่แข็งแกร่งเกินคาด และคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 5.25 - 5.50% ในการประชุมครั้งนี้ มีความเป็นไปได้ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้ อยู่ที่ว่าจะเป็น เดือน ก.ย. หรือ พ.ย. ซึ่งถ้าหากเป็นไปตามที่คาดการณ์ตลาดหุ้นก็น่าจะอยู่ในลักษณะทรงตัวต่อไป

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,747.42 จุด ลดลง 120.62 จุด หรือ -0.31%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,375.32 จุด เพิ่มขึ้น 14.53 จุด หรือ +0.27% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,343.55 จุด เพิ่มขึ้น 151.02 จุด หรือ +0.88%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 517.29 จุด ลดลง 4.87 จุด หรือ -0.93% ซึ่งเป็นการลดลงวันเดียวมากที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์
    • ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 39,134.79 จุด เพิ่มขึ้น 96.63 จุด หรือ +0.25%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ระดับ 3,028.05 จุด ลดลง 23.23 จุด หรือ -0.76%
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ หรือ 0.21% ปิดที่ 77.90 ดอลลาร์/บาร์เร
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ส.ค. ลดลง 40 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 2,326.60 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,316.10 ลบ 2.47 จุด (-0.19%) Trading Volume: 45,320.57 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายค่อนข้างน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (-0.13%) ตามด้วยกลุ่มไอซีที (+0.25%) กลุ่มธนาคาร (-0.85%) กลุ่มพาณิชย์ (-0.70%) และกลุ่มขนส่ง (-0.59%)  นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,208.68 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับลดลง 1-2 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1 bp
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 1-2 bps
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 1 bp
      • IRS SWAP ปิดปรับลดลง 2-4 bps
    • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 18,281.66 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 949.97 ล้านบาท
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน