สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
11/06/2567

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกเล็กน้อย ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่สหรัฐฯ จะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนี CPI ทั่วไปซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 3.4% ในเดือน พ.ค. เมื่อเทียบรายปี และจับตาผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการแถลงในวันพุธนี้ (12 มิ.ย.) ตามเวลาสหรัฐฯ โดยตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25 - 5.50% ในการประชุมครั้งนี้ นอกจากนี้ เฟดจะเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจและการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ของเจ้าหน้าที่เฟด โดยตลาดจับตารายงานเหล่านี้อย่างใกล้ชิดเพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ นำโดยตลาดหุ้นฝรั่งเศสที่ถูกกดดันอย่างหนัก หลังนายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสประกาศยุบสภาพร้อมเดินหน้าเลือกตั้งใหม่ หลังจากพรรคพันธมิตรสายกลางของเขาพ่ายแพ้ให้กับพรรคเนชันแนลแรลลี (National Rally: RN) ซึ่งเป็นฝ่ายขวาจัดในการเลือกตั้งรัฐสภายุโรป หากพรรค RN ได้รับเสียงข้างมากโดยเด็ดขาดในรัฐสภา ประธานาธิบดีมาครงอาจถูกบังคับให้ต้องร่วมรัฐบาล และอาจต้องแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีจากพรรค RN ปัจจัยดังกล่าวหนุนราคาพันธบัตรฝรั่งเศสร่วง และดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 6 เดือน
  • ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดบวก โดยหุ้นกลุ่มส่งออกได้แรงหนุนจากเงินเยนที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่สูงเกินคาดและทำให้ตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้นี้ นอกจากนี้ นักวิเคราะห์กล่าวว่าตลาดยังได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มการเงิน ซึ่งนักลงทุนเข้าซื้อโดยคาดหวังว่าจะได้กำไรดีขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยระยะยาวของญี่ปุ่นที่ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มนี้ปรับตัวขึ้นแบบจำกัด เนื่องจากนักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดและธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ ด้านตัวเลขทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในไตรมาส 1/67 หดตัว 1.8% ต่อปี ซึ่งดีกว่าในตัวเลขเบื้องต้นที่หดตัว 2.0% เนื่องจากการใช้จ่ายด้านธุรกิจหดตัวน้อยกว่าที่ประเมินไว้
  • ตลาดหุ้นไทยวานนี้ซื้อขายในแดนลบตลอดทั้งวัน ปิดตลาดที่จุดต่ำสุดในรอบ 4 ปี โดยตลาดหุ้นไทยได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการเมืองภายในประเทศ รวมถึงเป็นการปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาค หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าที่คาดมาก ส่งผลให้ตลาดลดความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของเฟด เป็นผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น และดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่า

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

ตลาดหุ้นไทยแสดงถึงความอ่อนแอเมื่อเทียบกับตลาดส่วนใหญ่ในภูมิภาคอื่น อีกทั้งยังไม่สามารถประเมินได้ว่าตลาดหุ้นไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วหรือยัง ซึ่งตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับปัจจัยการเมืองในประเทศที่ยังรอความชัดเจน อีกทั้งปัจจัยภายนอกอย่างตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือน พ.ค. ของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าคาด ส่งผลให้เกิด sentiment เชิงลบต่อตลาดหุ้น แต่อย่างไรก็ตาม การที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงและมีราคาถูกเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ มองว่าเป็นโอกาสทยอยสะสมตลอดทั้งปีเพื่อการลงทุนระยะยาวโดยเฉพาะผู้ที่ต้องการซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,868.04 จุด เพิ่มขึ้น 69.05 จุด หรือ +0.18%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,360.79 จุด เพิ่มขึ้น 13.80 จุด หรือ +0.26% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,192.53 จุด เพิ่มขึ้น 59.40 จุด หรือ +0.35%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 522.16 จุด ลดลง 1.39 จุด หรือ -0.27%
    • ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 39,038.16 จุด เพิ่มขึ้น 354.23 จุด หรือ +0.92%
    • ตลาดหุ้นจีนปิดทำการวันนี้ (10 มิ.ย.) เนื่องในเทศกาลแข่งเรือมังกรหรือวันไหว้บ๊ะจ่าง
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 2.21 ดอลลาร์ หรือ 2.93% ปิดที่ 77.74 ดอลลาร์/บาร์เรล
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์ หรือ 0.09% ปิดที่ 2,327.00 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,318.57 ลบ 14.17 จุด (-1.06%) Trading Volume: 38,377.74 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (-1.09%) ตามด้วยกลุ่มไอซีที (-0.83%) กลุ่มธนาคาร (-0.35%) และกลุ่มขนส่ง (-1.31%)  นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,612.80 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับขึ้น 1-2 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับขึ้น 1 bps
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับขึ้น 1-2 bps
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับขึ้น 1-3 bps
      • IRS SWAP ปิดปรับขึ้น 1-4 bps
    • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 9,415.08 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,252.39 ล้านบาท  
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน