สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
07/06/2566

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเล็กน้อยโดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ และการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า
  • นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ทั่วไปซึ่งนับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน จะชะลอตัวลงในเดือน พ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน แต่คาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน จะยังคงเร่งตัวขึ้น
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกโดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นโนโว นอร์ดิสค์ ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเฮลธ์แคร์ แต่การปรับตัวขึ้นของตลาดยังคงถูกสกัดกั้นโดยความวิตกเกี่ยวกับการที่ธนาคารกลางรายใหญ่ๆ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปท่ามกลางการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอลง
  • หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ซึ่งเป็นกลุ่มปลอดภัยราคาได้ปรับเพิ่มขึ้น 1.2% หลังหุ้นโนโว นอร์ดิสค์ ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาเวชภัณฑ์ของเดนมาร์ก พุ่งขึ้น 4.1% หลังเปิดเผยว่า บริษัทได้เริ่มการเจรจาเพื่อซื้อหุ้นในบริษัทไบโอคอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทออกแบบอุปกรณ์ทางการแพทย์ของฝรั่งเศส และหุ้นไบโอคอร์ปพุ่งขึ้น 15.7%
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบ โดยตลาดยังคงวิตกกังวลเกี่ยวข้อพิพาทระหว่างจีนและสหรัฐ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจจีนในสัปดาห์นี้
  • สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดว่า ทางการจีนได้ขอให้ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ของประเทศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเป็นครั้งที่ 2 ในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี ซึ่งนับเป็นการเพิ่มความพยายามในการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน
  • โดยธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ในจีนกำลังประเมินคำขอดังกล่าวและอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์นี้ พร้อมระบุเสริมว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนี้ไม่ใช่ข้อบังคับ โดยปัจจุบันธนาคารรายใหญ่เสนออัตราดอกเบี้ยเงินฝากกระแสรายวันที่ 0.25% ต่อปี ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำประเภท 3 ปี และ 5 ปี อยู่ที่ 2.6% และ 2.65% ตามลำดับ
  • PMI ภาคบริการของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นสู่ 55.9 ในเดือน พ.ค. จาก 55.4 ในเดือน เม.ย. โดยได้แรงหนุนหลักจากภาคการท่องเที่ยว ส่งผลให้ PMI แบบรวมปรับตัวขึ้นสู่ 54.3 จาก 52.9 ทางด้านการใช้จ่ายภาคครัวเรือนของญี่ปุ่นลดลง 4.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน เม.ย. หลังจากลดลง 1.9%ในเดือน มี.ค. และผิดไปจากที่ตลาดคาดว่าอาจลดลง 2.3% ท่ามกลางแรงกดดันจากราคาสินค้าที่อยู่ในระดับสูง
  • PMI ภาคบริการของจีนที่จัดทำโดยไฉซินเพิ่มขึ้นสู่ 57.1 ในเดือน พ.ค. จาก 56.4 ในเดือน เม.ย. โดยดัชนีบ่งชี้ว่าภาคบริการขยายตัวเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน
  • SET Index ในช่วงเช้าส่วนใหญ่ซื้อขายในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังกลุ่มโอเปกพลัสประกาศลดกำลังการผลิต อย่างไรก็ดี ดัชนีร่วงลงซื้อขายในแดนลบในช่วงบ่าย จากความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ ส่งผลให้ดัชนีปิดปรับตัวลดลง ในขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคมีทั้งปิดบวกและลบ โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (-0.31%) ตามด้วยกลุ่มพาณิชย์ (-1.11%) และกลุ่มธนาคาร (-0.55%) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,086.81 ล้านบาท
  • อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยลดลง 0.71% จากเดือนก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 0.53% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน พ.ค. ชะลอลงมากจากที่เพิ่มขึ้น 2.67% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน เม.ย. และต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 1.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากราคาน้ำมันลดลง และราคาอาหารเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลง ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้น 1.55% จากช่วงเดียวกันปีก่อน หลังจากเพิ่มขึ้น 1.66% ในเดือนก่อนหน้า

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

นักลงทุนเพิ่มความเชื่อมั่นว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยในการประชุมที่จะมาถึงในสัปดาห์หน้า ส่งผลดีต่อบรรยากาศการลงทุน

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,573.28 จุด เพิ่มขึ้น 10.42 จุด หรือ +0.03%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,283.85 จุด เพิ่มขึ้น 10.06 จุด หรือ +0.24% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,276.42 จุด เพิ่มขึ้น 46.99 จุด หรือ +0.36%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 461.68 จุด เพิ่มขึ้น 1.75 จุด หรือ +0.38%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,195.34 จุด ลดลง 37.10 จุด หรือ -1.15%
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค. ลดลง 41 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 71.74 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,528.54 ลบ 2.66 จุด (-0.17%)
      Trading Volume: 47,230.65 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดแกว่งตัว 1-2 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1 bp
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 1 bp
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 1-2 bps
      • IRS SWAP ปิดปรับลดลง 3-7 bps
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นคุณภาพสูงทั่วโลก
คลิก: KFGBRAND-A | KFGBRAND-D | KFGBRANSSF | KFGBRANRMF 
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน