ปัจจัยสำคัญ 

• ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบเล็กน้อย โดยนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค รวมทั้งการประชุมของบรรดาผู้นำทางการเมืองของสหรัฐเพื่อหารือกันเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้
• นักลงทุนรอดูผลการประชุมเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ ระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ รวมทั้งผู้นำสภาคองเกรสอีกหลายคน โดยยังมีข้อขัดแย้ง เมื่อพิจารณาจากการที่นายแมคคาร์ธีกล่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า การเพิ่มเพดานหนี้จะต้องแลกเปลี่ยนกับการที่รัฐบาลยอมปรับลดงบประมาณรายจ่าย ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ ประธานาธิบดีโจ ไบเดนไม่สามารถยอมรับได้
• นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 5.0% ในเดือน เม.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากแตะระดับ 5.0% เช่นกันในเดือน มี.ค. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน (core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 5.5% ซึ่งชะลอตัวจากระดับ 5.6% ในเดือน มี.ค.
• ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงโดยถูกกดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง
• หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของยุโรป ร่วงลงหนักที่สุด 2.9% หลังหุ้นเอสบีบี (SBB) ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของสวีเดน ร่วงลง 24.2% หลังบริษัทประกาศว่าจะหยุดการจ่ายเงินปันผล และยกเลิกแผนออกหุ้นหลังถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ
• แต่ในภาพรวม ในบรรดาบริษัทในดัชนี STOXX 600 ที่รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกออกมาแล้วนั้น 66.3% รายงานผลประกอบการที่ดีกว่าคาด ซึ่งสูงกว่าอัตราปกติที่ราว 53%
• ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบ หลังจากจีนเปิดเผยข้อมูลการค้าที่อ่อนแอลงในเดือน เม.ย.
• สำนักงานศุลกากรจีนรายงานว่า ยอดส่งออกเดือน เม.ย. ของจีนเพิ่มขึ้น 8.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 2.9542 แสนล้านดอลลาร์ มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจเพิ่มขึ้น 6.4% ส่วนยอดนำเข้าเดือน เม.ย. ปรับตัวลง 7.9% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 2.0521 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ลดลง 1.4% ในเดือน มี.ค. และย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจจะลดลงเพียง 0.1%
• นายคาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) แถลงต่อรัฐสภาญี่ปุ่นว่า เขาตั้งใจที่จะยกเลิกนโยบายควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Yield Curve Control - YCC) หากตัวเลขเงินเฟ้อของญี่ปุ่นดีดตัวขึ้นสู่เป้าหมายของ BOJ ได้อย่างยั่งยืน
• SET Index ซื้อขายทั้งในแดนบวกและลบ โดยปิดปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย และได้แรงหนุนจากแรงซื้อก่อนการเลือกตั้ง ในขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคมีทั้งปิดบวกและลบ โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มธนาคาร (+0.71%) ตามด้วยกลุ่มพลังงาน (+0.24%) และกลุ่มพาณิชย์ (+0.94%) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,591.20 ล้านบาท

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

สรุปภาพรวมตลาด

• ต่างประเทศ
  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,561.81 จุด ลดลง 56.88 จุด หรือ -0.17%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,119.17 จุด ลดลง 18.95 จุด หรือ -0.46% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,179.55 จุด ลดลง 77.36 จุด หรือ -0.63%
  • ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 465.41 จุด ลดลง 1.53 จุด หรือ -0.33%
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,357.67 จุด ลดลง 37.33 จุด หรือ -1.10%
  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 55 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 73.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 9.7 ดอลลาร์ หรือ 0.48% ปิดที่ 2,042.90 ดอลลาร์/ออนซ์
• ในประเทศ
  • SET ปิดที่ 1,564.66 บวก 2.41 จุด (+0.15%)
    Trading Volume: 52,794.94 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับขึ้น 1-3 bps แบ่งตามช่วงอายุดังนี้
    • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับขึ้น 1-3 bps
    • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับขึ้น 1-2 bps
    • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับขึ้น 1-3 bps
    • IRS SWAP ปิดปรับขึ้น 2-4 bps