สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
10/03/2566

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบโดยตลาดถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ดิ่งลงอย่างหนัก รวมทั้งความกังวลว่าข้อมูลแรงงานของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ อาจจะผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
  • เอสวีบี ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (SVB Financial Group) ซึ่งเป็นธนาคารปล่อยกู้ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ประกาศขายหุ้นมูลค่า 1.75 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากธนาคารประสบปัญหาเกี่ยวกับกระแสเงินสดหมุนเวียนหลังจากยอดเงินฝากจากบรรดาสตาร์ทอัปลดน้อยลง นอกจากนี้ เอสวีบียังปรับลดคาดการณ์รายได้ในปีงบการเงิน 2566 ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้มีแรงเทขายเข้ามาในหุ้นกลุ่มธนาคาร
  • สหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้น 21,000 ราย สู่ระดับ 211,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 สัปดาห์ และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 195,000 ราย ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนความหวังที่ว่าเฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
  • มาร์ค ลุสชินี นักวิเคราะห์จากบริษัท Janney Montgomery Scott กล่าวว่า นักลงทุนมีความวิตกกังวลก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือน ก.พ.ในวันนี้ โดยแม้มีการคาดการณ์ว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 205,000 ตำแหน่งในเดือน ก.พ. ซึ่งน้อยกว่าเดือน ม.ค. ที่พุ่งขึ้น 517,000 ตำแหน่ง แต่ก็คาดว่าตัวเลขค่าจ้างในเดือน ก.พ. จะพุ่งขึ้น 4.7% ในเดือน ก.พ. ซึ่งสูงกว่าในเดือน ม.ค. ที่เพิ่มขึ้น 4.4% และอาจเป็นปัจจัยกดดันให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุก
  • FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 60% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากระดับ 31%
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบนำโดยหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มที่อัตราดอกเบี้ยจะยังคงปรับตัวขึ้นเป็นเวลาอีกนาน โดยตลาดจับตาการประชุมของ ECB ในสัปดาห์หน้าซึ่งคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50%
  • เศรษฐกิจญี่ปุ่นในไตรมาส 4/65 ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า และขยายตัว 0.1% ต่อปี ซึ่งต่ำกว่าที่รายงานในเบื้องต้นว่าโต 0.2% จากไตรมาสก่อนหน้า และโต 0.6% ต่อปี หลังจากในไตรมาส 3/65 หดตัว 0.3% จากไตรมาสก่อนหน้า และหดตัว 1.1% ต่อปี เนื่องจากการบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดและการใช้จ่ายด้านทุนลดลงมากกว่าที่คาด
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงาน ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของจีนเพิ่มขึ้น 1.0% จากช่วงเดียวกันปีก่อนในเดือน ก.พ. ชะลอลงจากเพิ่มขึ้น 2.1% ในเดือน ม.ค. และน้อยกว่าที่ตลาดคาดว่าอาจเพิ่มขึ้น 1.9% เนื่องจากราคาอาหารลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน ตามการร่วงลงของราคาเนื้อสุกร
  • ดัชนี PPI ลดลง 1.4% ในเดือน ก.พ. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งปรับตัวลงมากกว่าในเดือน ม.ค. ที่ลดลงเพียง 0.8% และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจลดลง 1.3% และปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5
  • JD.com ซึ่งเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซใหญ่เป็นอันดับ 2 ของจีน รองจากอาลีบาบา เปิดเผยว่า บริษัทสามารถพลิกมีกำไรในไตรมาส 4/65 แม้ว่ารายได้ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยมีกำไรสุทธิ 3 พันล้านหยวนในไตรมาส 4/65 เมื่อเทียบกับตัวเลขขาดทุนสุทธิ 5.2 พันล้านหยวนในช่วงเดียวกันของปี 2564 อย่างไรก็ดี บริษัทมีรายได้ 2.954 แสนล้านหยวน ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.961 แสนล้านหยวน
  • ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยซื้อขายในแดนบวกเกือบตลอดทั้งวัน หลังดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี ประกอบกับมีแรงซื้อในหุ้นที่มีแนวโน้มมีผลประกอบการดีขึ้น ปิดตลาดปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคปิดปรับตัวลดลง ซึ่งยังคงเป็นผลจากความกังวลว่าเฟดอาจจะขึ้นดอกเบี้ยแรงกว่าที่คาด
  • มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีที่ 52.6 ในเดือน ก.พ. จาก 51.7 ในเดือน ม.ค. โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และค่าเงินบาทอ่อนค่า

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นจีนจากแนวโน้มของตลาดหุ้นจีนที่ยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัวต่อเนื่อง และกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่จะปรับตัวขึ้นตามการเปิดเมือง อีกทั้งตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาแข็งแกร่งมากขึ้น

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,254.86 จุด ร่วงลง 543.54 จุด หรือ -1.66%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,918.32 จุด ลดลง 73.69 จุด หรือ -1.85% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,338.35 จุด ดิ่งลง 237.65 จุด หรือ -2.05%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 459.98 จุด ลดลง 1.01 จุด หรือ -0.22%
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,276.09 จุด ลดลง 7.15 จุด หรือ -0.22%
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 94 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 75.72 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ. ปีนี้
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 16 ดอลลาร์ หรือ 0.88% ปิดที่ 1,834.60 ดอลลาร์/ออนซ์
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,614.22 บวก 1.62 จุด (+0.10%) Trading Volume: 59,540.43 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (-0.10%) ตามด้วยกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (-0.08%) กลุ่มพาณิชย์ (+0.31%) และกลุ่มธนาคาร (+0.45%) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,207.07 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับลดลง 1-4 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1-2 bps
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 1-4 bps
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 1-4 bps
      • IRS SWAP ปิดปรับลดลง 1-6 bps
    • นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 21,240.18 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,041.88 ล้านบาท
ที่มา : Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน