ปัจจัยสำคัญ 

• ตลาดหุ้นสหรัฐปิดแบบผสมผสาน โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดลบเล็กน้อยหลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงต่อสภาคองเกรสโดยย้ำว่า เฟดจะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แต่จะเป็นการดำเนินการอย่างระมัดระวัง ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบโดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
• นายพาวเวลได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อคืนนี้ตามเวลาไทย โดยกล่าวว่าเป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีนี้ หากเศรษฐกิจปรับตัวตามที่คาดการณ์ไว้ พร้อมเสริมว่า เจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่คิดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีก 2 ครั้งภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดอยู่ในกรอบ 5.50-5.75%
• สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 0.2% สู่ระดับ 4.3 ล้านยูนิตในเดือน พ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลงสู่ระดับ 4.25 ล้านยูนิต
• กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ระดับ 264,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าและเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2564
• ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบหลังปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 เดือน เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเกินคาด
• ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเกินคาดโดยมีมติ 7-2 ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 5.00% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ในการประชุมวันพฤหัสบดี (22 มิ.ย.) ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25%
• ธนาคารกลางนอร์เวย์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 3.75% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับขึ้นเพียง 0.25% ขณะที่ธนาคารกลางตุรกีประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 6.50% สู่ระดับ 15.00% และธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 1.75%
• นายคริส ฮิปกินส์ นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์เปิดเผยว่า เขาไม่เห็นด้วยกับคำพูดของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐที่กล่าวพาดพิงประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนว่าเป็น "เผด็จการ" โดยนายกฯฮิปกินส์มีกำหนดเดินทางเยือนจีนระหว่างวันที่ 25 - 30 มิ.ย. และเป็นผู้นำคณะผู้แทนการค้า ซึ่งรวมถึงบริษัทที่ใหญ่ที่สุดบางแห่งของนิวซีแลนด์ โดยจะเข้าพบกับปธน.สี นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน และนายจ้าว เล่อจี้ ประธานคณะกรรมการประจำสภาประชาชนแห่งชาติ
• SET Index ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในช่วงก่อนเปิดตลาด แต่หลังจากเปิดตลาด ดัชนีร่วงลงซื้อขายในแดนลบตลอดทั้งวัน และปิดปรับตัวลดลงในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาค หลังประธานเฟดย้ำว่าเฟดจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไป ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่ามีความเสี่ยงมากขึ้นที่เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (-1.05%) ตามด้วยกลุ่มไอซีที (-3.46%) กลุ่มธนาคาร (-0.46%) และกลุ่มพาณิชย์ (-1.21%)  นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 927.69 ล้านบาท

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

สรุปภาพรวมตลาด

• ต่างประเทศ
  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,946.71 จุด ลดลง 4.81 จุด หรือ -0.01%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,381.89 จุด เพิ่มขึ้น 16.20 จุด หรือ +0.37% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,630.61 จุด เพิ่มขึ้น 128.41 จุด หรือ +0.95%
  • ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 454.70 จุด ลดลง 2.31 จุด หรือ -0.51%
  • ตลาดจีนปิดเนื่องจากวันหยุดประจำปี
  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค. ร่วงลง 3.02 ดอลลาร์ หรือ 4.16% ปิดที่ 69.51 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ส.ค. ร่วงลง 21.20 ดอลลาร์ หรือ 1.09% ปิดที่ 1,923.70 ดอลลาร์/ออนซ์
• ในประเทศ
  • SET ปิดที่ 1,509.31 ลบ 12.81 จุด (-0.84%)
    Trading Volume: 46,840.54 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับลดลง 1-2 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
    • อายุ 1-5 ปี ปิดไม่เปลี่ยนแปลง
    • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับดลง 1 bp
    • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 1 bp
    • IRS SWAP ปิดปรับลดลง 1-2 bps