สรุปภาวะตลาดรายวัน


บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด
05/03/2567

ปัจจัยสำคัญ 

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบทั้ง 3 ดัชนี การซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังในการซื้อขายก่อนการเปิดเผยข้อมูลภาคการบริการ การจ้างงาน และก่อนนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงนโยบายการเงินต่อสภาคองเกรสสหรัฐในสัปดาห์นี้
  • ในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 นั้น หุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารปรับตัวลงมากที่สุด 1.5% ขณะที่หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวขึ้นมากที่สุด 1.6%
  • หุ้นแอปเปิ้ล (AAPL) ร่วงลง 2.5% หลังจากที่ถูกคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) สั่งปรับเป็นจำนวนเงิน 1,800 ล้านยูโร (1,950 ล้านดอลลาร์) หรือราว 70,000 ล้านบาท หลัง EC ระบุว่า แอปเปิ้ลได้ละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดตลาด จากการครอบงำตลาดแอปพลิเคชันสตรีมมิ่งเพลงผ่านทาง App Store โดยแอปเปิ้ลได้ทำสัญญาห้ามผู้พัฒนาแอปพลิเคชันแจ้งต่อผู้ใช้ iPhone และ iPad ทราบถึงทางเลือกอื่นในการใช้บริการสตรีมมิงเพลงที่มีราคาถูกกว่าที่อยู่นอก App Store
  • แต่การทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มชิป รวมถึงอินวิเดีย (NVDA) ได้ช่วยหนุนดัชนี S&P500 แตะระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนยังคงคาดการณ์แนวโน้มอุปสงค์ผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)
  • แบงก์ ออฟ อเมริกา โกลบอล รีเสิร์ช (BofA Global Research) ได้เพิ่มเป้าหมายสิ้นปีสำหรับดัชนี S&P500 ของตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ จากเป้าหมายก่อนหน้านี้ที่ 5,000 จุด สู่ระดับ 5,400 จุด ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 5% จากระดับปัจจุบัน เป้าหมายใหม่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงไปขององค์ประกอบในดัชนี S&P500 และความยืดหยุ่นด้านผลกำไรของบริษัทต่างๆ แม้จะมีความผันผวนค่อนข้างมากในด้านอัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ
  • เฟดสาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.1% ในไตรมาส 1/2567 สำหรับในปี 2566 เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.2%, 2.1%, 4.9% และ 3.3% ในไตรมาส 1 2 3 และ 4 ตามลำดับ
  • ตลาดหุ้นยุโรป STOXX 600 ปิดลบเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังในการซื้อขายหลังจากตลาดปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา และก่อนการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้ (7 มี.ค.)
  • ตลาดหุ้นญี่ปุ่น Nikkei ปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 40,000 จุดได้เป็นครั้งแรก แรงหนุนมาจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ได้แก่ Tokyo Electron และ Advantest ที่ขึ้นตามหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (1 มี.ค.)
  • ตลาดหุ้นจีน Shanghai Composite ปิดบวกเล็กน้อย โดยที่นักลงทุนจับตาการประชุมสองสภา (Two Sessions) ประจำปีของจีนที่ได้เปิดฉากขึ้นเมื่อวานนี้ ได้แก่ การประชุมสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติ (CPPCC) และการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) โดยตลาดคาดหวังจะเห็นการตั้งเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ปีนี้ที่ 5% ตามเดิม
  • มูดีส์ (Moody’s) ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ของอินเดียปี 2567 ขึ้นเป็น 6.8% จากเดิมที่ระดับ 6.1% ซึ่งคาดว่าอินเดียจะยังคงรักษาตำแหน่งประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดในกลุ่ม G-20 มูดีส์กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดเก็บภาษีสินค้าและบริการที่แข็งแกร่ง ยอดขายยานยนต์ที่เพิ่มขึ้น ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเชิงบวก และการเติบโตของสินเชื่อในอัตราเลขสองหลัก บ่งชี้ว่าอุปสงค์การบริโภคยังคงแข็งแกร่ง พร้อมเสริมว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและบริการที่เพิ่มขึ้นยังสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจอินเดีย
  • ตลาดหุ้นไทย (SET) ปิดลบ 4.83 จุด ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ สวนทางตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวขึ้นได้ดี โดยที่นักลงทุนจับตาการรายงานอัตราเงินเฟ้อเดือน ก.พ. ในวันอังคาร (5 มี.ค.) นี้ 

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

  • ตลาดหุ้นเอเชียภาพรวมปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะดัชนีที่มีหุ้นเทคโนโลยีในสัดส่วนที่สูงที่ได้รับปัจจัยบวกมาจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ (1 มี.ค.) ที่ผ่านมา โดยหุ้นไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ (TSMC) ปรับตัวขึ้น 5.22% ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All Time High)
  • ในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรป เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ รอปัจจัยเศรษฐกิจใหม่ โดยวันนี้แนะนำให้จับตาตัวเลขภาคบริการ ISM Services PMI ของสหรัฐฯ

สรุปภาพรวมตลาด

  • ต่างประเทศ
    • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,989.83 จุด ลดลง 97.55 จุด หรือ -0.25%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,130.95 จุด ลดลง 6.13 จุด หรือ -0.12% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 16,207.51 จุด ลดลง 67.43 จุด หรือ -0.41%
    • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 497.41 จุด ลดลง 0.17 จุด หรือ -0.03%
    • ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 40,109.23 จุด เพิ่มขึ้น 198.41 จุด หรือ +0.50% โดยในช่วงระหว่างวัน นิกเกอิพุ่งไปถึง 40,314.64 จุด
    • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,039.31 จุด เพิ่มขึ้น 12.29 จุด หรือ +0.41%
    • ดัชนี S&P BSE Sensex ปิดตลาดที่ 73,872.29 บวก 66.14 จุด หรือ 0.10%
    • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 1.23 ดอลลาร์ หรือ 1.54% ปิดที่ 78.74 ดอลลาร์/บาร์เรล
    • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 30.60 ดอลลาร์ หรือ 1.46% ปิดที่ 2,126.30 ดอลลาร์/ออน
  • ในประเทศ
    • SET ปิดที่ 1,362.59 ลบ 4.83 จุด (-0.35%) Trading Volume: 40,361.88 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (+0.04%) ตามด้วยกลุ่มพาณิชย์ (-0.85%) และกลุ่มธนาคาร (+0.46%) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 583.30 ล้านบาท
    • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับลดลง 1 bp แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
      • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1 bp
      • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 1-3 bps
      • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 1-2 bp
      • IRS SWAP ปิดปรับลดลง 1 bp
    • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 4,903.27 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,396.97 ล้านบาท     
ที่มา: Bloomberg, Econaday, KSS, Ryt9
 
กองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สำหรับกองทุน SSF/RMF/LTF/Thai ESG ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน|สำหรับกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ | เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือและความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ย้อนกลับ


ลงทุนในกองทุนรวมบลจ.กรุงศรี

บลจ.กรุงศรีมีกองทุนรวมหลายประเภทให้เลือกลงทุนสำหรับทุกเป้าหมายการลงทุน